เพนกวินฮัมโบลต์ นับถอยหลังสูญพันธุ์ ชิลีเตือนเหลือไม่ถึง 20,000 ตัวแล้ว

นักวิทยาศาสตร์ในชิลีออกมาเตือนถึงอนาคตที่น่ากังวลของ เพนกวินฮัมโบลต์ (Humboldt penguin) สัตว์ทะเลหายากที่อาศัยอยู่บนชายฝั่งหินในเขตอบอุ่น หลังรัฐบาลชิลีประกาศจัดให้เพนกวินสายพันธุ์นี้อยู่ในสถานะ “ใกล้สูญพันธุ์” อย่างเป็นทางการ

ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของชิลีเป็นถิ่นอาศัยของเพนกวินฮัมโบลต์ถึง ร้อยละ 80 ของประชากรทั่วโลก แต่ผลการประเมินของมหาวิทยาลัยคอนเซปซิออง (Universidad de Concepción) ชี้ว่า จำนวนเพนกวินลดลงจากราว 45,000 ตัวในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เหลือไม่ถึง 20,000 ตัวในปัจจุบัน แม้องค์กรระหว่างประเทศจะจัดให้เพนกวินชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม “เปราะบาง” และห้ามการค้าขายเชิงพาณิชย์มานานแล้ว แต่สถานการณ์ล่าสุดผลักให้รัฐบาลชิลีต้องยกระดับสถานะเป็น “ใกล้สูญพันธุ์” ซึ่งสะท้อนถึงความเสื่อมถอยที่น่าตกใจของระบบนิเวศชายฝั่ง 

นักชีววิทยาทางทะเลระบุว่า ปัจจัยหลักที่เร่งให้ประชากรเพนกวินลดลง ได้แก่ การแย่งชิงอาหารจากการประมงเชิงพาณิชย์ การสูญเสียถิ่นอาศัย มลพิษ โรคไข้หวัดนก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทางด้านกิเยร์โม กูบิโญส์ นักชีววิทยาทางทะเลจากสวนสัตว์แห่งชาติชิลี ระบุว่า “ภัยคุกคามที่เพนกวินเผชิญอยู่ทุกวันนี้ยังไม่ลดลง หากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป เพนกวินฮัมโบลต์อาจเปลี่ยนสถานะจากใกล้สูญพันธุ์ไปสู่ขั้นวิกฤต และอาจหายไปจากโลกในที่สุด”

ด้านพอลลีนา อาร์เซ สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเพนกวินฮัมโบลต์ เสริมว่า การตายโดยบังเอิญจากการติดอวนประมง รวมถึงการแข่งขันแย่งทรัพยากรในทะเล เป็นภัยที่ต้องจัดการด้วยมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง การประมงอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับอุตสาหกรรมและรายย่อย

เธอยังกล่าวอีกว่า “การเปลี่ยนสถานะเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากไม่มีมาตรการคุ้มครองที่ช่วยให้เพนกวินยังคงสามารถมีชีวิตและหาอาหารได้ในถิ่นอาศัยของมัน”

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากไม่มีการดำเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อควบคุมการประมงและปกป้องแหล่งอาศัย เพนกวินฮัมโบลต์อาจกลายเป็นหนึ่งในสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปในอนาคตอันใกล้ พร้อมย้ำว่ามนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มากกว่ามองว่าเป็นเพียงแหล่งทรัพยากรให้ใช้สอยเท่านั้น