รีเซต

ดีอีเอส เร่งปิดจ๊อบดาวเทียมไทยคม 5 ก่อนหมดสัมปทาน 1 ปี

ดีอีเอส เร่งปิดจ๊อบดาวเทียมไทยคม 5 ก่อนหมดสัมปทาน 1 ปี
มติชน
5 ตุลาคม 2563 ( 11:12 )
127
ดีอีเอส เร่งปิดจ๊อบดาวเทียมไทยคม 5 ก่อนหมดสัมปทาน 1 ปี

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้กระทรวงดีอีเอสดำเนินคดีแทนรัฐบาลเรื่องดาวเทียมไทยคม 5 เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคจนไม่สามารถกู้ระบบคืนหรือซ่อมแซมได้ ทำให้ต้องปลดระวางเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ก่อนวันหมดสัญญาสัมปทานในวันที่ 10 กันยายน 2564 ตามที่กระทรวงดีอีเอสได้เสนอให้ ครม. อนุมัติ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ที่ผ่านมานั้น

 

ทำให้กระทรวงดีอีเอส สามารถดำเนินการตามกระบวนการทางอนุญาโตตุลาการหรือกระบวนการทางศาล เพื่อเรียกร้องให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติตามข้อสัญญา รวมทั้งการเรียกร้องให้ดำเนินการจัดหาดาวเทียมทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 ตลอดจนการขอให้ชดใช้ราคาแทนการจัดหาดาวเทียมทดแทนดาวเทียมไทยคม 5 การชำระค่าตอบแทนต่างๆ ตามสัญญา เบี้ยปรับ และค่าเสียหายต่างๆ ตามรายละเอียดที่ตรวจสอบได้และประสงค์จะเรียกร้องแทนรัฐบาล

 

สำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทรับประกัน กรณีเหตุขัดข้องทางเทคนิคของดาวเทียมไทยคม 5 นั้น กระทรวงดีอีเอสให้ไทยคม อยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาต่อรองค่าเสียหายกับบริษัทผู้รับประกันภัย

 

ส่วนเรื่องที่ไทยคม จะต้องจัดสร้างดาวเทียมทดแทนตามสัญญา กรณีดาวเทียมไทยคม 5 ที่ปลดระวางไปนั้นไทยคม ได้ชี้แจง ว่าได้จัดสร้างดาวเทียมหลักและสำรองในกรณีที่ดาวเทียมหลักเสียหายถูกต้องครบถ้วน 2 ชุด ตามข้อกำหนดของสัญญาแล้ว จึงไม่มีแผนในการจัดสร้างดาวเทียมเพิ่มเติม ขณะที่กระทรวงดีอีเอส เห็นว่า หากดาวเทียมไทยคม 5 ไม่สามารถใช้งานได้ จำเป็นต้องมีดาวเทียมสำรองอีกดวงหนึ่งเพื่อถ่ายโอนลูกค้า ไม่ใช่การถ่ายโอนไปใช้งานดาวเทียมของต่างชาติ แบบที่ไทยคม ทำ ดังนั้นทำให้ข้อพิพาทนี้ยังไม่มีข้อยุติ ดีอีเอสจึงต้องนำข้อพิพาทดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการตามสัญญา

 

“จากนี้กระทรวงดีอีเอสต้องทำเรื่องขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้น เพื่อดำเนินการตามอนุญาโตตุลาการต่อไป ซึ่งคณะทำงานจะมาจากตัวแทนสำนักงานอัยการสูงสุด, กระทรวงดีอีเอส และหน่วยงานกลาง” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) เมื่อช่วงต้นปี 2563 ได้เห็นชอบให้ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการทรัพย์สินที่กระทรวงดีอีเอส รับโอนหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานให้บริการดาวเทียมจากไทยคมในเดือนกันยายน 2564 นั้นขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างรอกระทรวงดีอีเอสเสนอต่อ ครม.

 

เนื่องจากบอร์ดดีอีมีข้อสังเกตเรื่องแผนบริหารจัดการดาวเทียมแห่งชาติแบบจีทูจีด้วยกระบวนการตามมาตรา 49 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) จึงให้กระทรวงดีอีเอสทำเรื่องให้สำนักงานกฤษฏีกาตีความ แต่ทางสำนักงานกฤษฎีกาแจ้งว่า ไม่มีอำนาจจึงให้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาอยู่แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

 

ดังนั้น จึงอาจทำให้เสียโอกาสในการรับช่วงต่อซึ่งต้องดำเนินการล่วงหน้า 1 ปี ก่อนหมดสัญญาสัมปทาน ในเรื่องการบริหารจัดการ และควบคุมดาวเทียมในบางส่วน ซึ่งมีความละเอียดอ่อนจำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรเพิ่มความรู้ทักษะเฉพาะด้าน และแคทจะต้องส่งบุคลากรเข้าไปฝึกอบรมเตรียมความพร้อมในการบริหารสินทรัพย์กับไทยคมในเดือนกันยายน 2563 ที่สำคัญ คือ ลูกค้าที่ใช้งานไทยคม 4 และไทยคม 6 จะขาดความเชื่อมั่นและย้ายออกจากระบบก่อน เพราะเกรงว่าจะไม่มีความต่อเนื่องในการให้บริการ สุดท้ายกระทรวงดีอีเอสก็จะได้สินทรัพย์มาอย่างเดียวโดยไม่มีลูกค้า