รายได้ 15 วัน 10,000 บาท กับเห็ดฟางกองเตี้ย ยุคนี้การจะมีอาชีพเดียวนั้นไม่เพียงพอกับการดำรงชีวิตอย่างแน่นอน ต้องหาอาชีพที่ 2,3,4 เพื่อเป็นรายได้เสริม เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก อะไรก็ไม่แน่นอน ดังนั้นหากเราต้องการรายได้เสริมก็ต้องมีความรู้ติดตัวไว้ วันนี้เราจะมาแบ่งปันความรู้ในเรื่องการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ยกัน เป็นอาชีพที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรงาม หากเราสามารถควบคุมการออกดอกของเห็ดได้ดี อาจสามารถเป็นอาชีพหลักได้เลยหากทำจริงจัง ใช้เวลาน้อยแต่ได้กำไรมาก ในการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย 1 กองจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อรอบการผลิตได้ 5-10 กิโลกรัมต่อกองเล็ก หากเพาะ 30 กอง และขายที่กิโลกรัมละ 100 บาท จะมีรายได้มากถึง 15,000 – 30,000 บาท ต่อ 15 วัน เอาละเรามาดูวิธีการเพาะกัน การเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย 1. วัสดุที่ใช้เพาะ วัสดุที่เราใช้เพาะเห็ดฟางนั้นสามารถใช้ได้ตามที่พื้นที่เรามี หรือหาได้ง่าย ต้นทุนต่ำ ได้แก่ ฟางข้าวแห้ง ตอซังข้าว ใบก้านกล้วยแห้ง หญ้าแห้ง ผักตบชวาแห้ง เปลือกถั่วชนิดต่างๆ ต้นข้าวโพดแห้ง กากมันสำปะหลัง ละอองข้าวจากโรงสีเป็นต้น(สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่) 2. อาหารเสริม อาหารเสริมนับว่ามีความสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยให้ฟางข้าวหรือวัสดุเพาะเกิดการสลายตัว ช่วยให้กองเห็ดเก็บความชื้นได้ดี อาหารเสริมที่ใช้มีหลายชนิดเช่น ปุ๋ยคอก มูลโค มูลกระบือ มูลสุกร มูลไก่ ซึ่งจะใช้โดยตรงหรือผสมดินร่วนอัตรา 1 : 1 นอกจากนี้ยังมีไส้นุ่น ไส้ฝ้าย ละอองข้าว ต้นกล้วยแห้งสับ ผักตบชวาแห้งสับ เป็นต้น 3.เชื้อเห็ดฟาง เชื้อเห็ดฟางที่เราจะใช้ต้องเป็นเชื้อเห็ดที่มีคุณภาพดี ให้ผลผลิตสูงผลิตจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เป็นเชื้อไม่อ่อนหรือแก่เกินไป สังเกตจากเส้นใยมีสีขาวขุ่นจนถึงระยะเส้นใยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือสีชมพู 4.แบบพิมพ์ไม้หรือกระบะไม้ แบบพิมพ์ไม้หรือกระบะไม้ควรทำจากไม้จริงเพื่อให้สามารถสัมผัสน้ำได้ ห้ามนำไม้อัดมาทำโดยเด็ดขาด แบบพิมพ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู กว้างด้านล่างขนาด 40 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร กว้างด้านบน 30 เซนติเมตร ยาว 100 – 150 เซนติเมตร 5. พลาสติกใสควบแปลงเห็ด ช่วยเพิ่มอุณหภูมิและรักษาความชื้นในกองเห็ด 6. หญ้าคาหรือฟางข้าว ใช้สำหรับคลุมแปลงเห็ด 7. วัสดุอื่นๆ เช่น มีด จอบ เสียม บัวรดน้ำ ภาชนะใส่เชื้อเห็ด ภาชนะใส่อาหารเสริม เป็นต้น การเลือกพื้นที่และการเตรียมดิน 1. ฤดูฝน ควรเป็นพื้นที่สูงน้ำไม่ท่วมขัง 2. ฤดูหนาว เป็นพื้นที่กลางแจ้ง เพื่อทำให้อุณภูมิเห็ดสูงขึ้น สามารถทำพื้นที่หลังการทำนาได้ 3. ฤดูร้อน เป็นพื้นที่มีร่มเงา เพื่อไม่ให้อุณภูมิกองเห็ดร้อนเกินไป 4. ควรมีการเก็บวัชพืชออก ตากดิน ทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อป้องกันเชื้อโรคในดิน 5. การเพาะไม่ควรเพาะที่เดิม เพราะจะมีการสะสมของเชื้อโรค แมลง วัชเห็ดมาก ควรเว้นช่วงอย่างน้อย 1 เดือน 6. ถ้าจำเป็นต้องเพาะชำที่เดิมให้ทำการเพาะและเผาและหว่านด้วยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในดิน ขั้นตอนและวิธีการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย 1. นำฟางไปแช่น้ำให้อ่อนนิ่มนานประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงหรือ ประมาณ 10 – 20 นาที แล้วย้ำแต่ถ้าจะให้ดีควรแช่ไว้อย่างน้อย 1 คืน 2. เตรียมอาหารเสริม พวกปุ๋ยคอก ไส้นุ่น ไส้ฝ้าย ละอองข้าว ผักตบชวาแห้งสับ ให้รดน้ำให้ชุ่มคลุกเคล้าให้เข้ากันมีความชื้นพอมากๆ สำหรับปุ๋ยคอกให้ผสมดิน 1:1 จะดี 3.รดน้ำบนแปลงเพาะให้ชุ่มแล้วยกพิมพ์มาวางเตรียมไว้ 4.การเพาะชั้นที่ 1 นำวัสดุเพาะซึ่งได้แก่ ฟางข้าวแห้ง ตอซังข้าว ใบก้านกล้วยแห้ง หญ้าแห้ง ผักตบชวาแห้ง เปลือกถั่วชนิดต่างๆ ต้นข้าวโพดแห้ง กากมันสำปะหลัง ละอองข้าวจากโรงสีเป็นต้น(สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่) ใส่ลงในแบบพิมพ์ เกลี่ยวัสดุเพาะกระจายให้ทั่วหนา 12 – 15 เซนติเมตร แล้วใช้มือกดหรือขึ้นเดินย่ำให้วัสดุเพาะสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ให้สม่ำเสมอ 5.โรยอาหารเสริมรอบแบบพิมพ์ทั้ง 4 ด้าน โดยห่างจากขอบประมาณ 1 – 2 นิ้ว 6. นำถุงเชื้อเห็ดมาขยำและฉีกให้เชื้อแตกกระจายแล้วแบ่งเป็น 3 – 4 ส่วน นำเชื้อเห็ดมา 1 ส่วน โรยลงบนอาหารเสริมรอบกอง 7. การเพาะชั้นที่ 2 – 3 ทำเหมือนกับชั้นที่ 1 8. การเพาะชั้นสุดท้ายใช้วัสดุเพาะทับอย่างชั้นที่ 1 และที่สอง การโรยอาหารเสริมและเชื้อเห็ดให้เต็มพื้นที่ด้านบน ใช้วัสดุเพาะทับบางๆ แล้วค่อยยกพิมพ์ออกไปเพาะกองใหม่ต่อไป 9. กองต่อไปทำเหมือนกองแรก ถ้าเป็นฤดูร้อนควรห่างกันประมาณ 20 เซนติเมตร เพราะจะให้กองเห็ดมีพื้นที่ระบายอากาศ ส่วนการเพาะในฤดูหนาวควรห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อที่จะทำให้ความร้อนในกองเห็ดมาก การเพาะแต่ละครั้งควรเพาะอย่างน้อย 5 กอง จะทำให้ความร้อนในกองเห็ดมีความเหมาะสม ถ้าทำเป็นการค้าควรเพาะแปลงละ 10 – 30 กอง 10. การโรยเชื้อเห็ดหน้าดิน การเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ย ถ้ามีการเตรีมแปลงดีสามารถทำให้เห็ดออกระหว่างกองเห็ด โดยการพรวนดินระหว่างกอง แล้วโรยอาหารเสริมและเชื้อเห็ดลงไป บางครั้งผลผลิตเห็ดที่หน้าดินให้ผลผลิตสูงกว่าในกองเสียอีก 11. เมื่อกองได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ให้กลับมารดน้ำกองเห็ดกองแรกพร้อมกับรดบริเวณพื้นที่รอบๆ แปลง เสร็จแล้วจึงคลุมแปลงด้วยผ้าพลาสติกแล้วคลุมทับด้วยหญ้าคา หรือฟางแห้งอีกชั้นหนึ่ง การดูแลรักษา 1.หลังจากการเพาะเห็ดได้ 4 วัน ให้ตรวจความชื้น โดยใช้มือดึงฟางออกจากกองเห็ดมารีดหรือบิดดูถ้ามีน้ำไหลออกมาเป็นทาง แสดงว่าความชื้นสูงเกินไปให้เปิดหน้าพลาสติกออกประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วปิดไว้อย่างเดิม ถ้าบิดดูฟางแล้วไม่มีน้ำไหลออกมาแสดงว่าแห้งเกินไป ให้เปิดผ้าพลาสติกออกแล้วใช้บัวรดน้ำหัวฝอยละเอียดรดน้ำเพิ่มในกองเห็ดบางๆ แล้วปิดไว้อย่างเดิม ความชื้นที่เหมาะสมเพื่อใช้มือรีดหรือบิดฝางในกองเห็ดจะมีน้ำไหลซึมออกเพียงเล็กน้อยรู้สึกมีความชื้นในมือ 2. การตรวจสอบอุณหภูมิในกองเห็ด โดยใช้มือสอดเข้าไปในกองเห็ด ถ้าอุณหภูมิในกองเห็ดต่ำเกินไป แก้ไขโดยคลุมผ้าพลาสติกให้แน่นหนาแล้วใช้หญ้าคาหรือฟางทับให้หนาขึ้น ถ้าพบอุณหภูมิในกองเห็ดสูงเกินไปประมาณ 35 องศาเซลเซียส แก้ไขโดยดึงชายผ้าพลาสติกคลุมแปลงขึ้นเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้บ้าง พออากาศเย็นลงก็ปิดไว้อย่างเดิม 3. การยกโครงแปลงเห็ด หลังจากเพาะเห็ดได้ 4-5 วัน โดยการซื้อหญ้าคาและผ้าพลาสติกคลุมกองออกใช้ไม้ไผ่ที่เหลาโค้งแปลงเพาะกล้ายาสูบมาปักหัวท้าย กองละ 1 อัน เสร็จแล้วคลุมแปลงด้วยผ้าพลาสติก และหญ้าคาหรือฟางข้าวอีกเช่นเดิม 4. การเพิ่มอากาศในกองเห็ด ปกติเห็ดจะเริ่มออกดอกประมาณ 7 – 10 วัน หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 – 3 วัน หรือประมาณ 10-15 วัน ดอกเห็ดจะโตพอที่จะเก็บได้ ในระยะนี้กองเห็ดจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมมาก ดังนั้นในระยะที่ดอกเห็ดเริ่มยืดตัวปลายดอกเริ่มมีลักษณะแหลมคล้ายรูปไข่เป็นระยะที่เห็ดต้องการออกซิเจนมาก ควรเปิดชายผ้าพลาสติกเพื่อให้อากาศถ่ายเทบ้างจะทำให้เห็ดมีความสมบูรณ์น้ำหนักดี การเก็บเห็ดฟาง 1. การเก็บดอกเห็ด โดยปกติการเพาะเห็ดฟางในฤดูร้อนประมาณ 7 – 8 วัน เห็ดจะเริ่มออกดอกประมาณ 10 – 12 วัน เก็บดอกเห็ดได้ 2. ในฤดูหนาวระยะเวลาจะช้ากว่าช่วงฤดูร้อน 3 – 5 วัน การเก็บดอกเห็ดควรเก็บในเวลาเช้าตรู่ ไม่ควรเก็บดอกเห็ดในตอนเที่ยงหรือตอนกลางวันเพราะจะทำให้ดอกเห็ดเล็กฝ่อ 3. ควรเก็บในระยะดอกยังไม่บานหมวกหรือหมวกยังไม่แตก จะทำให้เห็ดมีน้ำหนักดี และได้ราคาดีกว่าเห็ดบาน 4. ในกรณีที่เห็ดออกเป็นกระจุกใหญ่ไม่ควรเก็บดอกใหญ่ออกดอกเดียว ควรรอให้ดอกเล็กโตก่อนแล้วเก็บพร้อมกันจะได้เห็ดมากกว่า ไม่ควรให้เศษติดเห็ดติดอยู่ในกองเพราะจะทำให้เน่าเสียและเกิดลุกลามไปแปลงอื่นได้ จะเห็นได้ว่าการเพาะเห็ดฟางไม่ได้ยุ่งยากเลย แต่ต้องใช้ความใส่ใจ และการควบคุมอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งหากควบคุมอุณหภูมิได้ดีก็จะได้ผลผลิตเห็ดมาก แต่บางครั้งควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี เห็ดฟางก็อาจไม่ออกหรือออกน้อยมาก ดังนั้นการควบคุมอุณหภูมิจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เครดิตภาพ ภาพปก โดยนักเขียน/ภาพประกอบที่ 1 โดยนักเขียน/ภาพประกอบที่ 2 โดยนักเขียน /ภาพประกอบที่ 3 โดยนักเขียน /ภาพประกอบที่ 4 โดยนักเขียน /ภาพประกอบที่ 5 โดยนักเขียน /ภาพประกอบที่ 6 โดยนักเขียน /ภาพประกอบที่ 7 โดยนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !