รีเซต

อว.เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 9,147,512 โดส ที่ 'จ.ภูเก็ต' ยังมากสุด เข็มแรกกว่า 66.19%

อว.เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 9,147,512 โดส ที่ 'จ.ภูเก็ต' ยังมากสุด เข็มแรกกว่า 66.19%
มติชน
28 มิถุนายน 2564 ( 20:24 )
43
อว.เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 9,147,512 โดส ที่ 'จ.ภูเก็ต' ยังมากสุด เข็มแรกกว่า 66.19%

อว.เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 9,147,512 โดส และทั่วโลกแล้ว 2,928 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 86.950 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 66.19%

 

 

 

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 2,928 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 44.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 323 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 153 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

 

 

 

 

 

 

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 86.950 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (50.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 40.601 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 9,147,512 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 46.9%

 

 

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 2,928 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 10,600,000 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 9,147,512 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 6,537,851 โดส (9.9% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 2,609,661 โดส (3.9% ของประชากร)

 

 

 

 

 

2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-28 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 9,147,512 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 163,902 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 3,036,651 โดส
– เข็มที่ 2 57,187 โดส
วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 3,499,126 โดส
– เข็มที่ 2 2,522,474 โดส

 

 

 

3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
– 93.54% ไม่มีผลข้างเคียง
– 6.46% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
– ปวดกล้ามเนื้อ 1.55%
– ปวดศีรษะ 1.15%
– ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.83%
– เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.75%
– ไข้ 0.51%
– คลื่นไส้ 0.35%
– ท้องเสีย 0.23%
– ผื่น 0.19%
– ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.15%
– อาเจียน 0.09%
– อื่น ๆ 0.66%

 

 

 

 

 

 

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 105.2% เข็มที่2 93.4%
– อสม เข็มที่1 27.8% เข็มที่2 14.7%
– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 9.8% เข็มที่2 0.5%
– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 11.7% เข็มที่1 2.6%
– เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 31.4% เข็มที่2 19.2%
– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 10.8% เข็มที่2 4.3%
รวม เข็มที่1 13.1% เข็มที่2 5.2%

 

 

 

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 20.88% เข็มที่2 7.52% ประกอบด้วย
– กรุงเทพฯ เข็มที่1 28.56% เข็มที่2 9.93%
– สมุทรสาคร เข็มที่1 17.83% เข็มที่2 11.63%
– นนทบุรี เข็มที่1 16.68% เข็มที่2 6.83%
– สมุทรปราการ เข็มที่1 13.82% เข็มที่2 3.39%
– ปทุมธานี เข็มที่1 9.00% เข็มที่2 3.26%
– นครปฐม เข็มที่1 5.19% เข็มที่2 1.48%

 

 

 

จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 5.25% เข็มที่2 2.03%
– ภูเก็ต เข็มที่1 66.19% เข็มที่2 53.11%
– ระนอง เข็มที่1 22.37% เข็มที่2 6.37%
– สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 10.56% เข็มที่2 5.72%
– เกาะสมุย เข็มที่1 47.93% เข็มที่2 40.73%
– เกาะเต่า เข็มที่1 19.70% เข็มที่2 11.82%
– เกาะพะงัน เข็มที่1 10.46% เข็มที่2 6.16%

 

 

 

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 85,375,720โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 40,224,794 โดส (9.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 9,542,612 โดส (6.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V และ AstraZeneca
3. ไทย จำนวน 9,055,141 โดส (9.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 7,226,949 โดส (15.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. กัมพูชา จำนวน 6,729,736 โดส (23%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 5,029,006 โดส (50.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
7. เวียดนาม จำนวน 3,087,580 โดส (3.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. พม่า จำนวน 2,994,900 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
9. ลาว จำนวน 1,408,531โดส (12,0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V
10. บรูไน จำนวน 76,471โดส (14.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

 

 

 

 

 

 

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 62.31%
2. อเมริกาเหนือ 14.41%
3. ยุโรป 15.45%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 5.93%
5. แอฟริกา 1.6%
6. โอเชียเนีย 0.3%

 

 

 

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,165.23 ล้านโดส (41.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหภาพยุโรป จำนวน 351.81 ล้านโดส (39.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 323.33 ล้านโดส (50.5%)
4. อินเดีย จำนวน 321.76 ล้านโดส (11.8%)

 

 

 

 

 

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (70.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. บาห์เรน (68.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
3. มัลดีฟส์ (67.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)
4. อิสราเอล (59.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. ชิลี (58.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหราชอาณาจักร (57.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
7. มองโกเลีย (54.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V )
8. กาตาร์ (54.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. อุรุกวัย (53.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinovac)
10. ฮังการี (52.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)

 

 

 

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง