ชื่นชมเด็กเก่ง! สอบเตรียมทหารได้อันดับ 1 ถึง 3 เหล่าทัพ

วันนี้( 10 ส.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์พากันแสดงความชื่นชมยินดีที่เด็ก น.ร.ชาว จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพ่อแม่ฐานะค่อนข้างยากจนแต่ว่าสามารถสอบเข้าเรียนต่อ ร.ร.เตรียมทหารได้อันดับที่ 1 จำนวนถึง 3 เหล่าทัพคือ ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ และสอบได้อันดับ 8 ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเด็ก น.ร.หนุ่มคนดังกล่าวคือ นาย ธรากร ทองหนูนุ้ย อายุ 17 ปี เกิดเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2547 เป็น น.ร.ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของ ร.ร.เบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี โดยครอบครัวของนายธราก รอาศัยอยู่ที่ บ้านไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากชายแดนไทย – กัมพูชาด้านจุดผ่านแดนถาวรไทย – กัมพูชาช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เพียง 12 กม.เท่านั้น พ่อชื่อนายประเทือง ทองหนูนุ้ย อายุ 53 ปี แม่ชื่อนางสาวรดาชา ถุงสูงเนิน อายุ 45 ปี ซึ่งนายธรากร เป็นลูกคนที่ 3 มีพี่สาว 2 คน พ่อประกอบอาชีพขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อรับจ้างขนส่งสินค้าพัสดุทั่วไป ซึ่งเป็นรถบรรทุกของตนเองที่ยังต้องผ่อนส่งกับธนาคารอยู่ ส่วนแม่ติดตามไปกับพ่อเพื่อส่งสินค้าไปตามสถานที่ต่างๆ ตามแต่จะมีผู้ว่าจ้าง ขณะนี้ นายธรากรพร้อมด้วยพ่อแม่ ได้เดินทางไปที่ ร.ร.เตรียมทหาร จ.นครนายก เพื่อมอบตัวนายธรากรเข้าเรียนร.ร.เตรียมทหาร 

นายธรากร น.ร.คนเก่งของชาว ห้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ตนเริ่มเรียนหนังสือระดับประถมศึกษาระดับชั้นป.1 - ป.2 ที่ ร.ร.บ้านไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และไปเรียนต่อระดับ ป.3 - ป.6 ที่ร.ร.อนุบาลศรีประชานุกูล อ.ขุขันธ์ จากนั้นได้ไปเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 –  4 ที่ร.ร.เบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี  สำหรับหลักในการเรียนหนังสือของตนนั้น ตนจะพยามตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้มากที่สุดพยายามฟังทุกคำพูดที่ครูพูด และได้จดบันทึกเอาไว้แล้วนำมาสรุปอีกครั้งในภายหลัง แล้วนำเอามาอ่านอีกรอบ ตอนช่วงไปสอบ ร.ร.เตรียมทหารนั้นตนได้เตรียมตัวมา 2 ปีแล้ว ตนได้ดรอปเรียนด้วยเพราะว่าปีที่แล้วตนสอบติดทั้ง 4 เหล่า แต่ว่าตกด้านสายตาด้านร่างกาย ปีนี้จึงได้มาสอบอีกรอบ เหตุที่ตกด้านสายตานั้นเนื่องจากว่าตนสายตาสั้นซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้ตั้งไจเรียนให้มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะว่าปีที่แล้วตนก็สอบติดอยู่แต่ว่าอันดับก็ไกลกว่าปีนี้พอสมควร 

ตนจึงได้นั่งทบทวนว่าปีที่แล้ว ตนยังขาดตกบกพร่องเรื่องอะไรและได้พยายามเรียนเพิ่มเติมให้มากขึ้นตามประเด็นที่สอบไปแล้วไม่ใช่ว่าอ่านหนังสือทุกตัวที่เจอ การที่ตนสอบติดที่ 1 หลายเหล่านี้ 

ตนตั้งใจจะเรียนทหารบกเพราะว่าตนชอบทหารบกมาก เนื่องจากบ้านตนที่แท้จริงนั้นก็คืออยู่ที่บ้านไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 12 กม.เท่านั้น  ซึ่งในช่วงปี 2553 เกิดการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาก็ได้ทหารบกเข้าไปช่วยตนและครอบครัวไว้ การที่พ่อแม่ของตนฐานะไม่ค่อยดีนั้นไม่ได้เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเรียนแต่อย่างใด เพราะว่าบ้านที่ตนและครอบครัวอยู่มานั้นอยู่มา 10 กว่าปีแล้วไม่ได้สร้างบ้านของตัวเองซักที เพราะว่าพ่อแม่หาเงินมาได้ก็ส่งเสียให้ตนเรียนหนังสือมากกว่าจึงไม่มีเงินมาสร้างบ้าน ตนมีพี่น้องร่วมบิดา 2 คนรวมตนด้วยเป็น 3 คนเป็นผู้หญิง 2 คน ตนเป็นคนสุดท้อง พี่สาวทั้ง 2 คนไม่ได้เรียนหนังสือ เรียนไม่จบเพราะว่าสุขภาพไม่แข็งแรง มีคนหนึ่งมีอาการประสาทอ่อน ๆ เลยเรียนหนังสือไม่ได้ทำงานไม่ได้ ขณะนี้ตนได้มารายงานตัวเข้าเรียน ร.ร.เตรียมทหารกำลังอยู่ที่ด่านตรวจโควิด-19 ของ ร.ร.เตรียมทหาร จ.นครนายก 

ด้านพลโท ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2  เห็นว่า จากการนายธนากร มีสภาพความเป็นอยู่ฐานะค่อนข้างยากจน ซึ่งนายธรากรสามารถสอบเข้า ร.ร.เตรียมทหาร ได้ที่ 1 เกือบทั้ง 4 เหล่า 

และได้ตัดสินใจเลือกเหล่าทหารบก ไม่มีแม้กระทั่งเงินจะมอบตัว ดังนั้นจึงได้ให้การสนับสนุนเต็มที่ โดยได้มอบทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการมอบตัวเข้า ร.ร.เตรียมทหาร นับว่า 

นายธรากรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน ในความพากเพียรพยายามถึงแม้จะขาดแคลนทุนทรัพย์  

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่กองกิจการพลเรือน ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้โพสต์ในเพจเฟซบุ๊กว่า การมอบทุนการศึกษาแก่ นายธรากร ทองหนูนุ้ย นักเรียนที่สามารถสอบคัดเลือกเข้า

เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ได้ที่ 1 เกือบทั้ง 4 เหล่า ตัดสินใจเลือกเหล่ากองทัพบก เป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจ อดทน มีความพากเพียร ถึงแม้จะขาดแคลนทุนทรัพย์ครอบครัวค่อนข้างยากจน 

แต่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง เพื่อให้เยาวชนได้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีในความพยายามดังกล่าวนั้น ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ทั้งอดีตและปัจจุบันให้ความกรุณาส่งเสริม สนับสนุนให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นกำลังใจในความพากเพียรและอุตสาหะ ดังกล่าว อนึ่งในโอกาสที่นายธรากร ทองหนูนุ้ย จะเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนเตรียมทหาร ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ในวันนี้กองทัพบกโดย พลโทจิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จึงได้มอบทุนการศึกษาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป ณ กองบัญชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า