จัดการตัวเองอย่างไร..เมื่อเครียดเรื่องงาน.. สังคมการทำงานของแต่ละคนไม่ได้เป็นแบบที่เราได้วาดฝันไว้ตอนสมัยเรียนนั่งทำงานในห้องแอร์เย็นๆ แต่งตัวสวยๆ งานสบาย มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก แต่เมื่อเราได้ทำงานจริงๆ มีเรื่องราวมากมายที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละงาน สังคมการทำงานที่เจอกับเพื่อนร่วมงานที่แย่ๆ งานเยอะที่ทำให้ทำไม่ทัน จนทำให้เครียดกับเรื่องงาน ส่งผลถึงสุขภาพจิตของตัวเอง ซึ่งบทความนี้ทางผู้เขียนจะมาแชร์ประสบการณ์จัดการตัวเองอย่างไรเมื่อทำงานไม่ทัน เครียด เหนื่อยและท้อ เราชื่อแอปเปิ้ล (นามสมมุติ) ชีวิตเราหลังจากที่เรียนจบเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว โดยเราได้ทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งที่หลายคนต้องการทำงานในบริษัทแห่งนี้ วันแรกของการทำงานของเราไม่มีใครคุยด้วยเลย เราพยายามเข้าหาทุกคนในที่ทำงาน ทำความรู้จักกับทุกคนในแผนกเดียวกัน รวมทั้งเรื่องงานเราขอให้พี่ๆที่ทำงานช่วยสอนงานให้เรา แต่สังคมการทำงานในออฟฟิศใครดีใครได้ ทุกคนต้องทำงานแข่งกันเวลาไม่มีใครมีเวลาสอนงานให้เราเลย ตัดภาพมาที่งานคืองานเยอะมาก ยิ่งช่วงทดลองงานหัวหน้าให้เรียนรู้งานหลายอย่างเพื่อเป็นการทดสอบความสามารถของเราและความอดทนของเราด้วย จนเราทำงานได้ 1 ปี รู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับเราเลย ทั้งเรื่องงานและเพื่อนร่วมงาน มีเรื่องให้เครียดทุกวัน เราเครียดจนบางคืนนอนไม่หลับ ส่งผลถึงสุขภาพจิตเรา เราตัดสินใจขอลาออกแต่หัวหน้างานให้เราปรับเปลี่ยนสิ่งที่เราเป็น เราก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ลดความเครียดลง เลิกใส่ใจคนอื่น เราใช้เวลาเกือบปีในการจัดการกับความรู้สึกตัวเอง หลังจากนั้นมาเราก็มีความสุขในการทำงานมากขึ้น สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิตในที่ทำงานมีดังนี้1.เวลาอยู่ที่ทำงานเต็มที่กับงานที่ได้รับมอบหมาย แน่นอนว่าสังคมการทำงานต้องเจอกับงานที่หลากหลายหน้า บางวันมีงานหนักและบางวันมีงานเบา แต่สิ่งที่สำคัญเมื่อเรามาถึงที่ทำงาน จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ ควรลงมือทำงานของตัวเองตามที่ได้รับมอบหมาย วางแผนงานให้ชัดเจน เรียงตามลำดับความสำคัญของงาน ถ้าทำงานเสร็จได้ทันวันต่อวัน ไม่มีงานค้างในวันถัดไป จะทำให้เรามีความสุขในการทำงาน มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นและที่สำคัญเราจะไม่ถูกกดดันในเรื่องงานต่างๆ2.ไม่ควรแคร์คำพูดคนอื่นที่กระทบจิตใจเรา เป็นเรื่องปกติในสังคมการทำงานที่ร่วมงานกับคนหมู่มาก ซึ่งมีทั้งคนที่หวังดีกับเราและไม่ได้หวังดีกับเรา มีทั้งคนที่คิดดีและคิดชั่วกับเรา รวมทั้งบางคนพูดเพื่อให้คนอื่นเกลียดเรา ใครก็ตามในที่ทำงานที่พูดกระทบจิตใจเราหรือเรื่องราวที่เขาพูดไม่เกี่ยวข้องกับงานของเรา เราไม่ควรที่จะแคร์คำพูดเหล่านั้น ไม่ควรนำคำพูดเหล่านั้นนำกลับมาคิดมาก ถ้าเราเลิกแคร์คนที่พูดไม่ดีกับเรา ชีวิตการทำงานของเราจะมีความสุขโดยที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนทุกข์และเครียดเอง3.เรียนรู้กับปัญหางานของตัวเอง เมื่อเราเครียดกับงานและเพื่อนร่วมงานแน่นอนว่าเรามีปัญหาอย่างแน่นอน เราควรเรียนรู้กับปัญหาเหล่านั้น โดยเริ่มจากตัวเอง ปรับเปลี่ยนตัวเองตามลำดับงานที่ได้รับมอบหมาย งานไหนที่ทำไม่ทันควรหาวิธีที่จะให้งานเสร็จไวขึ้น มีขั้นตอนที่น้อยลง แต่คุณภาพงานต้องเหมือนเดิม ถ้าเรารับรู้กับปัญหางานที่ทำให้เราเครียด แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด งานเราจะมีปัญหาน้อยลงและ ชีวิตการทำงานของเราจะมีความสุขมากขึ้น4.ปล่อยวางกับงานที่ทำให้เครียด การที่เรานำปัญหาจากการทำงาน นำกลับมาคิดมากทำให้จิตใจเราย่ำแย่ลง กระทบต่อสุขภาพจิตของเรา ทำให้เครียด ท้อ หมดกำลังใจในการทำงาน เราควรเรียนรู้ที่ปล่อยวางกับเรื่องราวเหล่านั้น งานไหนที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพจิตควรจัดการแก้ปัญหาให้ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อนร่วมงานคนไหนที่เป็นปัญหาต่อเราควรปล่อยวาง คำพูดไหนที่เราฟังแล้วไม่พอใจทำให้เราเครียดถือว่าเขาไม่ได้พูดให้เราฟังแล้วชีวิตการทำงานของเราจะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจะเห็นว่าการเครียดเรื่องงานเป็นปัญหากับหลายคนมากที่ส่งผลถึงสุขภาพภาพจิตใจ ไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากเจอเพื่อนร่วมงานที่แย่ๆ แต่ทุกปัญหาเราสามารถที่จะแก้ที่ตัวเราเองได้ ถ้าเราเรียนรู้ที่จะไม่แคร์กับคำพูดที่กระทบจิตใจเรา ถ้าเราเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหางานที่ทำให้เราเครียดแม้ว่าปัญหาเหล่านั้นจะใช้ระยะเวลาที่นานและต้องใช้ความอดทนอย่างมาก แต่ถ้าเราผ่านทุกปัญหาเหล่านั้นได้เราจะมีความสุขในการทำงานของเราและมีความสุขในการทำงานร่วมงานกับผู้อื่นอย่างแน่นอนภาพปกโดย ปลาทูภาพที่ 1 โดย StartupStockPhotos จาก pixabayภาพที่ 2 โดย mohamed_hassan จาก pixabayภาพที่ 3 โดย JESHOOTS-com จาก pixabayภาพที่ 4 โดย GoldenViolinist จาก pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !