สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่าน ในบทความนี้บอกเลยว่ามีแต่สาระเน้นๆค่ะ หากมีใครกังวลคิดว่าการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นยุ่งยากหรือไม่ ขอตอบเลยค่ะว่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ในบทความนี้จะบอกขั้นตอนและสิ่งที่ต้องเตรียมตัวในการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ขั้นตอนและวิธีการ1. จองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์ขั้นตอนแรกในการทำบัตรใหม่จะไม่สามารถอบรมออนไลน์ได้ ต้องไปอบรมที่สำนักงานขนส่งค่ะ โดยจะจองคิวออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/login หรือ แอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue - แอปพลิเคชันใน Google Play หลังจากที่สมัครเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่าลืมบันทึกหน้าจอวันนัดจองคิว เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ได้ดูด้วยนะคะ 2. เอกสารที่ต้องใช้ / การเตรียมตัว เอกสารที่ต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงใบรับรองแพทย์ (ซึ่งใบรับรองแพทย์ผู้เขียนได้ไปขอที่โรงพยาบาลนะคะ ส่วนผู้อ่านสามารถเลือกไปทำใบรับรองแพทย์ได้ตามสะดวกเลยค่ะ) ในด้านของการเตรียมตัวผู้เขียนแนะนำในฝึกทำข้อสอบอยู่ที่บ้านไว้ก่อนค่ะ เพราะว่าถ้าเราทำข้อสอบให้ผ่านภายในรอบเดียว เราก็ไม่ต้องเสียเวลามาทำอีกรอบหรือจนกว่าจะผ่านนั่นเองค่ะ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนฝึกทำแค่นิดเดียวเลยสอบไม่ผ่านในครั้งแรกค่ะ ได้ 44 ข้อ ทั้งๆที่อีกข้อเดียวก็จะผ่านแล้ว เสียดายมากเลยค่ะ กลับบ้านมาเลยทำข้อสอบในเว็บนี้ให้ครบทุกหมวด ทำจนกว่าจะถูกทั้งหมด แล้วค่อยมาทำข้อสอบแบบสุ่มค่ะ และแล้วผลลัพธ์ที่ได้คือ สอบรอบสองก็เลยได้เต็ม 50 ข้อเลยค่ะ ถือว่าเก็บเอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังว่าครั้งหนึ่งเคยทำข้อสอบใบขับขี่ได้เต็ม555555 3. วันทำการทดสอบเมื่อจองคิวได้วันนัดพร้อมกับเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางมาสำนักงานขนส่งตามวันและเวลาที่เลือกจองไว้เลยค่ะ โดยเมื่อมาถึงแล้วจะมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้ค่ะ 1. เมื่อมาตามวันนัดแล้ว เราจะต้องยื่นบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมกับใบรับรองแพทย์ค่ะ หลังจากนั้นเราก็จะได้ทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย- ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง) ระดับความยาก : 1/3 - ทดสอบสายตาทางลึก ระดับความยาก : 3/3- ทดสอบสายตาทางกว้าง ระดับความยาก : 2/3- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า โดยการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ ระดับความยาก : 2/3(ระดับความยากเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน) 2. เมื่อสอบสมรรถภาพร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้เข้ารับการอบรม เป็นเวลา 5 ชั่วโมงค่ะ (แบ่งเป็นช่วงเช้าและช่วงบ่าย) 3. การสอบข้อเขียนซึ่งจะมีทั้งหมด 50 ข้อ จะทำผ่านระบบ E-exam โดยทำได้อย่างน้อย 45 ข้อ จะถือว่าผ่าน(ผู้เขียนได้ทำทั้งหมดสองรอบค่ะ รอบแรกทำหลังจากอบรมเสร็จ แต่ไม่ผ่าน เลยได้ไปสอบรอบสอง วันเดียวกับวันที่สอบการปฏิบัติค่ะ) 4. ในการสอบปฏิบัติเจ้าหน้าที่จะนัดวันอีกทีนึงค่ะ ในวันสอบปฏิบัติสำหรับผู้เขียนแล้วไม่ยากมากค่ะ ก่อนหน้าที่จะสอบจะมีเจ้าหน้าที่มาสาธิตให้ดูก่อนค่ะ เราก็ตั้งใจดู ตั้งใจฟัง ก็ปฏิบัติตามได้แล้วค่ะ ซึ่งท่าที่ใช้ในการสอบจะมีทั้งหมด 5 ท่า ได้แก่ ท่าที่ 1 การขับขี่รถตามเครื่องหมายจราจรท่าที่ 2 การขับขี่รถโดยทรงตัวบนทางแคบ ทรงตัวไว้โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นประมาณ 10 วินาทีท่าที่ 3 การขับขี่รถโดยซิกแซกเข้าโค้งแคบ รูปตัว Z ห้ามชนกรวยล้ม!!ท่าที่ 4 การขับขี่รถเข้าโค้งซ้ายและโค้งขวา รูปตัว S ห้ามชนกรวยล้ม!!ท่าที่ 5 การขับขี่รถหลบสิ่งกีดขวางในวันสอบปฏิบัติอย่าลืมนำหมวกกันน็อคไปด้วยนะคะ 5.เมื่อทำการทดสอบเสร็จทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ไปถ่ายรูปทำบัตรได้เลยค่ะ ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียม 105 บาทค่ะ (ค่าใบขับขี่ 100 + ค่าคำขอ 5)สรุปได้ว่าเราจะใช้เวลาประมาณ 2 วันในการทำใบขับขี่นั่นเองค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านค่ะ ถ้าชื่นชอบบทความที่มีสาระนี้ฝากกดแชร์บทความนี้เพื่อเป็นความรู้ให้คนที่ผู้อ่านรักกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ เครดิตรูปภาพ :ภาพหน้าปก โดย Olivier Darny จาก Pexelsภาพขั้นตอนการจองคิวออนไลน์ โดย เว็บไซต์จองคิว DLTภาพประกอบที่ 6 และ 7 ปรับแต่งและสร้างรูปภาพโดย นักเขียน จาก Home - Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !