ป่าเป็นเหมือนที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นเหมือนบ้านเหมือนที่พักพิงของเหล่าสัตว์ แต่เมื่อบ้านของพวกเขาโดนไฟป่า ก็กระทบต่อสัตว์ที่อยู่ในป่าไปด้วย ซึ่งจากข่าวไฟไหม้ป่าหลังวัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่ หรือข่าวไฟป่าแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ ซึ่งได้เผาพื้นที่ป่าไปถึง 5 หมื่นไร่ ซึ่งการเกิดไฟไหม้ป่านั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุที่ตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลอันตรายร้ายแรงด้วยกันทั้งสิ้น สาเหตุของการเกิดไฟป่านั้นมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น ภาพโดย David Mark จาก Pixabay สาเหตุที่มาจากธรรมชาติ เช่นฟ้าผ่า ซึ่งสาเหตุนี้จะพบบ่อยในประเทศสหรัฐฯ และประเทศแคนาดา ซึ่งฟ้าผ่าในช่วงที่ไม่มีฝนตกจะเป็นช่วงที่อันตรายมาก และเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนและแห้งแล้ง ซึ่งจะมีวัสดุจากธรรมชาติที่ทำหน้าที่เป็นตัวติดไฟชั้นดี ที่ทำให้ไฟป่าแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ ซึ่งอากาศที่แห้งแล้งนั้นจะพบในต่างประเทศมากกว่าในประเทศไทย ถ้าวัดกันที่ปริมาณความชื้นในอากาศ จึงทำให้ไฟป่าในประเทศไทยสามารถจัดการได้รวดเร็วกว่า แต่ถ้าเกิดไฟป่าในช่วงที่มีฟ้าผ่าพร้อมกับมีฝนตกหรือมีพายุฝนฟ้าคะนอง โอกาสที่จะเกิดไฟป่าจะมีน้อยกว่ามาก ทำให้ไฟลุกลานได้ช้ามาก และในกรณีสุดท้ายที่ทำให้เกิดไฟป่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟ้าผ่านั้นก็คือ กิ่งไม้แห้งเกิดการเสียดสีกัน อันเนื่องมาจากลมพัดทำให้เกิดการเสียดสีก่อให้เกิดประกายไฟ และลุกไหม้บนกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ดี ซึ่งกรณีสุดท้ายนี้สามารถพบได้บ่อย ในช่วงที่อากาศร้อนและแห้งแล้ง ยิ่งในป่าไผ่หรือป่าสน ซึ่งเป็นป่าที่มีไม้ผลัดใบ และยิ่งมีต้นไม้ที่มีใบอุ้มน้ำได้น้อยด้วยแล้วล่ะก็ การลุกลามของไฟจะกระจายไปทั่วป่าอย่างรวดเร็ว จึงได้มีการเฝ้าระวังไฟป่าในช่วงฤดูร้อนเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันมิให้ไฟลุกลามและลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้มีการเสียชีวิตของสัตว์และคนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ ภาพโดย skeeze จาก Pixabay สาเหตุจากมนุษย์มีด้วยกันหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วถึงสาเหตุการเกิดไฟป่าจากมนุษย์ ดังนั้นจะขอกล่าวสั้นๆ เช่น การเก็บของป่า ล่าสัตว์ เผาไร่ เลี้ยงปศุสัตว์ หรือการเข้าพักในป่า แล้วมีการจุดไฟทิ้งไว้ และด้วยความประมาทนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่า ในปัจจุบันสถานการณ์ไฟไหม้ป่านั้นสามารถเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายได้ ยกตัวอย่างเช่น 1. การควบคุมไฟป่าโดยการเพิ่มพื้นที่ หรือ เพิ่มความชื้นให้กับป่า โดยมีการปลูกต้นไม้โตเร็ว ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สามารถอุ้มน้ำ ลดความแห้งแล้งในดิน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี เพื่อลดเชื้อเพลิงจากธรรมชาติที่อาจจะทำให้ไฟลุกลามได้อีกด้วย เช่นต้นกล้วย กล้วยเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็วอีกทั้งยังอุ้มน้ำได้ดี ภาพโดย Albrecht Fietz จาก Pixabay 2. การสร้างฝายชะลอน้ำ หรือมีการปิดรองน้ำเล็กๆ เพื่อลดการไหลของน้ำ และทำให้ป่านั้นสามารถกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น เป็นการลดความเสี่ยงที่ทางหนึ่ง โดยน้ำที่เก็บด้วยฝายชะลอน้ำจะค่อยๆ ซึมลงสู่ดินช้าๆ ไม่ทำให้ดินแห้ง ทำให้ป่าชุ่มชื้นหรือที่เรียกกันว่า ป่าเปียก 3. การสอดส่องเฝ้าระวัง ถึงจะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าที่แห้งแล้ง ให้มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟไหม้ป่านั้นก็สามารถเกิดได้จากความประมาทของมนุษย์ จึงเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ยิ่งในบริเวณอุทยาน หรือ บริเวณที่มีการเปิดให้คนเข้าพักหรือใกล้เคียงพื้นที่ป่าด้วยแล้วละก็ ยิ่งต้องเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ภาพโดย skeeze จาก Pixabay สุดท้ายนี้ ไฟป่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากธรรมชาติในสภาวะที่แห้งแล้งและจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง ต่อให้เป็นก้นบุหรี่หรือก้านไม้ขีดเพียงหนึ่งก้าน ก็สามารถเผาป่าได้ จึงเป็นหน้าที่ที่เราทุกคนต้องช่วยกันระวังและสอดส่อง อีกทั้งมีการปลูกพืชอุ้มน้ำ เพื่อปรับสมดุลในป่า ให้ป่านั้นมีความชื้นมากพอที่ทำให้ไฟไม่สามารถลุกลามได้ เป็นเหมือนแผนการป้องกันระยะยาว ลดการตัดไม้ทำลายป่าที่ไม่จำเป็น เพื่อลดการเสียสมดุลของป่า ก่อนที่ป่าจะหมดไปด้วยไฟป่า หรือหมดไปด้วยน้ำมือมนุษย์ เราจึงควรรักและดูแลป่า ก่อนที่เราจะไม่มีป่าให้ดูแล ออกแบบภาพหน้าปกโดย https://www.canva.com/ ภาพจาก canva