อินโดนีเซียประท้วงเดือด ตาย 1 เจ็บนับสิบ

เกิดการประท้วงรุนแรงในกรุงจาการ์ตาวานนี้ (28 สิงหาคม) ผู้ประท้วงปะทะตำรวจปราบจลาจลอินโดนีเซีย ผู้ประท้วงจุดไฟเผารถตำรวจหลายคัน จุดไฟกลางถนน ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

ภาพประท้วงรุนแรงในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงอินโดนีเซียวานนี้ รถตำรวจที่กำลังเกิดไฟลุกไหม้คันหนึ่ง กำลังขับอย่างช้า ๆ ผ่านกลุ่มผู้ประท้วงที่กำลังยิงพลุใส่ตำรวจ ยังมีรถตำรวจอีกหลายคันถูกวางเพลิงเผา ผู้ประท้วงยังกลุ้มรุมทำร้ายรถอีกคันหนึ่ง คาดว่าเป็นรถของตำรวจ ในระหว่างเกิดการประท้วงรุนแรงในเมืองหลวงอินโดนีเซียวานนี้

ตำรวจตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตา ผลักดันผู้ประท้วงให้ถอยออกไป ผู้ประท้วงยิงพลุต่อเนื่อง ทำให้คนจำนวนมากวิ่งหนี

นับเป็นการประท้วงรุนแรงในกรุงจาการ์ตาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 4 วัน โดยการประท้วงครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (25) และมีการปะทะกับตำรวจเช่นกัน โดยตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสลายผู้ประท้วงหลายร้อยคน ที่พยายามจะบุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาอินโดนีเซีย 

ชนวนการประท้วงเกิดจากผู้ประท้วงไม่พอใจการขึ้นเงินเดือนและเพิ่มเงินตอบแทนอื่น ๆ ให้แก่สมาชิกสภาอินโดนีเซีย ที่ได้ขึ้นเงินเดือนและได้เงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านด้วย รวมเป็นเงิน 100 ล้านรูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยเกือบ 190,000 บาท 

เงินจำนวนนี้สูงว่ารายได้เฉลี่ยของชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก  แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในอาเซียนก็ตาม แต่ชาวอินโดนีเซียมีรายได้เฉลี่ยเพียง 3 ล้าน 1 แสนรูเปียห์ คิดเป็นเงินไทยราว 6,200 บาท

การประท้วงที่เกิดขึ้นยังเป็นการประท้วงกลุ่มคนที่ผู้ประท้วงเรียกว่า เป็นพวกอภิสิทธิ์ชนที่ทุจริตที่อยู่ในรัฐบาล รวมไปถึงการทุจริตเชิงนโยบาย ที่รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และกองทัพ ทั้งนี้ ชาวอินโดนีเซียมองว่ากองทัพอินโดนีเซียได้มีบทบาทมากขึ้นในชีวิตของพลเรือน ในยุคของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโตของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอดีตนายพลของกองทัพอินโดนีเซีย