รีเซต

สรุปเหตุการณ์พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในฝรั่งเศสโดนงัด เมื่อเทคโนโลยีไม่อาจต้านวิถีโจรกรรมแบบบ้าน ๆ ได้ !?

สรุปเหตุการณ์พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในฝรั่งเศสโดนงัด เมื่อเทคโนโลยีไม่อาจต้านวิถีโจรกรรมแบบบ้าน ๆ ได้ !?
TNN ช่อง16
24 ตุลาคม 2568 ( 02:35 )
15

TNN Tech ย้อนรอยการโจรกรรมครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) ที่เก็บสะสมศิลปะและของมีคุณค่าทั้งในแง่ของราคาและประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อในฝรั่งเศส (รวมถึงภาพโมนาลิซ่า) โดนบุกและขโมยสร้อยคอและเครื่องประดับกว่า 8 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,340 ล้านบาท 

และรู้หรือไม่ว่า บันไดสู่ความสำเร็จในการโจรกรรมครั้งนี้ คือบันไดยาวบนรถบรรทุกที่พาดขึ้นตึก ก่อนงัดแงะด้วยเครื่องมือช่างทั่วไป และใช้เครื่องมือตัดกระจกไฟฟ้าขโมยสิ่งมีค่าก่อนหลบหนีออกมาในเวลาเพียง 7 นาที เท่านั้น โดยไม่มีเครื่องมือไฮเทคใด ๆ ในการช่วยโจรกรรม

บันไดพาดที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นทางเข้า - ออก ในการก่อเหตุ, Reuters

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์โดนงัดใน 7 นาที

  • 9.30 น. (เวลาท้องถิ่น) กลุ่มหัวขโมย 4 คน เดินทางถึงพิพิธภัณฑ์ที่อยู่กลางกรุงปารีส ก่อนนำรถบรรทุกเล็กติดตั้งบันไดพาดไปยังชั้น 2 ของตึกที่ชื่อว่า แกลอรี่อะพอลโล ฝั่งริมแม่น้ำแซน (Seine river) 

  • 9.34 น. หัวขโมย 2 คน ปลอมตัวเป็นคนงานก่อสร้าง และใช้ลูกหมู (Angle Grinder) เจียรตัดกระจกของตึก ซึ่งห่างจากห้องจัดแสดงภาพโมนาลิซ่าไม่กี่ห้อง แล้วบุกเข้าไปขโมยชุดเครื่องประดับของจักรพรรดินโปเลียนและภริยาจาก 2 ตู้ รวม 9 ชิ้น โดยใช้เครื่องตัดคอนกรีตแบบน้ำมันตัดกระจกนำออกมา (1 ชิ้น ตกในที่เกิดเหตุได้รับความเสียหาย)

  • 9.37 น. สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น

  • 9:38 น. กลุ่มหัวขโมยหลบหนีไปทางที่งัดเข้ามา โดยใช้จักรยานยนต์ที่เตรียมไว้ 2 คัน ในการหลบหนีมุ่งหน้าไปยังเมืองลียง (Lyon) ทางตอนกลางของประเทศ, ทางใต้ของกรุงปารีส

โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังพิพิธภัณฑ์เปิดทำการเวลา 9 นาฬิกา หรือเพียงครึ่งชั่วโมง ของเช้าวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ระหว่างตามล่าคนร้ายที่ก่อเหตุพร้อมระดมกำลังตามเครื่องประดับทั้ง 8 ชิ้น

ภาพเครื่องประดับที่โดนขโมย, Interpol


พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์พ่ายแพ้ให้กับบันไดและเครื่องมือช่าง

จากภาพกล้องวงจรปิด (ที่มาตรวจสอบภายหลัง) พบว่าเครื่องมือในการงัดแงะและบุกขโมยมีเพียงกล่องเครื่องมือซึ่งวางทิ้งไว้ กับเครื่องเจียรแบบลูกหมูที่ใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าและเครื่องตัดคอนกรีตแบบน้ำมันเท่านั้น

ในขณะที่ฝั่งพิพิธภัณฑ์มีเครือข่ายภาพวงจรปิด (CCTV) รวมถึงระบบเลเซอร์ที่ใช้ในการตรวจจับความเคลื่อนไหวในช่วงปิดทำการ ตลอดจนระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวต่าง ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการโจรกรรมครั้งมโหฬารนี้ได้ 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยบางส่วนเชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อาจใช้ระบบป้ายติดตาม (Tag) ไว้บนตัวเครื่องประดับ ซึ่งอาจนำมาสู่การติดตามและไล่จับกุมได้

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ยอมรับว่าระบบความปลอดภัยล้มเหลวและล้าสมัย

เบื้องหลังความสำเร็จในการโจรกรรมนั้นเชื่อว่ามาจากความล้มเหลวของระบบความปลอดภัยในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ โดยลอเรนซ์ เดส คาร์ส (Laurence des Cars) ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ยอมรับว่าไม่มีระบบกล้องวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์ในส่วนที่กลุ่มหัวขโมยใช้ลักลอบเข้ามาเพียงพอในการตรวจจับสถานการณ์

โดยกล้อง CCTV ที่สังเกตการณ์ด้านนอกฝั่งริมแม่น้ำแซนนั้นมีเพียงตัวเดียว และยังหันผิดทิศทางไปคนละฝั่งกับที่หัวขโมยใช้ลักลอบเข้ามา และในห้องจัดแสดงบางห้องก็ไม่มีกล้องเพียงพอเช่นกัน นอกจากนี้ ตำรวจยังพบว่าระบบสัญญาณเตือนภัยรวมของทั้งพิพิธภัณฑ์ไม่ทำงาน มีเพียงสัญญาณภายในห้องจัดแสดงที่โดนบุกรุกที่ทำงานเท่านั้น 

ก่อนหน้านี้ เดส คาร์ส ได้ทำหนังสือเรียกร้องให้ทางรัฐบาลกลางติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอย่างน้อยอีกเท่าตัว พร้อมปรับปรุงโครงสร้างระบบทั้งหมดซึ่งล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และแม้ว่าประธานาธิบดีมานูเอล มาครง จะประกาศแผนยุทธศาสตร์ยกระดับพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศ 10 ปี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ทันกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อาจไม่มีวันได้ของคืนทั้งหมด

เอริน ทอมป์สัน (Erin Thompson) ทนายความและผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า “เมื่อเครื่องประดับ ไม่ว่าจากบ้าน ร้านค้า หรือพิพิธภัณฑ์โดนขโมย ก็มักถูกขายต่อในสภาพเดิม”

แต่ถ้ากลุ่มโจรไม่อยากถูกจับ เอรินก็ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่อัญมณีจะถูกตัดและโลหะจะถูกหลอมละลายเปลี่ยนแปรสภาพในไม่กี่ชั่วโมงหลังการขโมย แต่นั่นก็เป็นการทำให้เครื่องประดับเสียมูลค่าไปมหาศาลเช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าหัวขโมยทั้งหมดจะโดนจับกุมได้ในท้ายที่สุด แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งของเครื่องประดับที่ถูกขโมยไปเท่านั้นที่จะได้คืน หรือในกรณีเลวร้ายที่สุดหากหัวขโมยต้องการเงินอย่างเร่งด่วน ก็อาจส่งเครื่องประดับที่ขโมยมาไปแปรสภาพในเมืองศูนย์กลางอัญมณีของโลก ซึ่งอาจจะเป็นนิวยอร์ก เมืองแอนต์เวิร์ปในเบลเยียม หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็ตาม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง