KCGเที่ยวดีมีคืนหนุน ไฮซีซันดันโค้งท้ายแจ่ม

#KCG #ทันหุ้น - KCG ขานรับนโยบาย “เที่ยวดีมีคืน” ชี้ เป็นผลบวกช่วยผลักดันดีมานด์วัตถุดิบพุ่ง พ่วงได้แรงหนุนคนละครึ่งพลัสเสริม พร้อมแย้มโค้งท้ายแจ๋ว อานิสงส์เข้าช่วงไฮซีซันท่องเที่ยว แถมยืนปีนี้รายได้ทะยาน 8% จากปีก่อน รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนร่วมโครงการ “เที่ยวดีมีคืน 2568” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายด้านที่พักในโรงแรม โฮมสเตย์ไทย ที่พักที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าบริการของร้านอาหารที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาหักลดหย่อนภาษี ได้ไม่เกิน 20,000 บาท โดย 10,000 บาทแรกใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และอีก 10,000 บาทใช้ e-Tax Invoice เท่านั้น ทั้งนี้หากเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรอง จะได้รับสิทธิลดหย่อน 1.5 เท่า สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท (จากการจ่ายจริงไม่เกิน 20,000 บาท) ส่วนพื้นที่เมืองหลักนอกจากเมืองรอง ลดหย่อนได้ 1 เท่า สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ - 15 ธันวาคม 2568
เที่ยวดีมีคืนหนุน
นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG เปิดเผยว่า ในแง่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว นั้นมองว่าเป็นผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศให้ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งยังเป็นผลดีต่อทาง KCG เพราะจะช่วยทำให้ความต้องการ (ดีมานด์) การใช้วัตถุดิบในส่วนของเบเกอรี และอื่นๆ ของบริษัทขยายตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้แรงจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งเริ่มใช้สิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ยอดขายวัตถุดิบในการทำเบเกอรีและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ บริษัทเติบโตอีกทางหนึ่ง
ไฮซันดันโค้งท้าย
ส่วนทิศทางธุรกิจในไตรมาส 4/2568 บริษัทคาดน่าจะปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2568 เพราะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นไฮซีซันของบริษัทและคงจะมีผลให้ ภาพรวมคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ และสินค้าประเภทเบเกอรรีขยับสูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 8% เมื่อเทียบกับปี 2567 ผลมาจากธุรกิจมีการนำเสนอโปรดักต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการต่อเนื่อง รวมทั้งการทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาทางบริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จับมือ กรุงเทพมหานครเปิดโครงการ “จุดไฟปรุงฝัน ปีที่ 2 รุ่น 2” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ของปี เพื่อ ‘แก้โจทย์จริง’ ของปัญหาเศรษฐกิจเมืองไทย ที่แม้ SME จะเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย และ กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งอาหารอันดับ 2 ของโลก แต่ในขณะเดียวกันสถานการณ์ร้านอาหารและเบเกอรีจำนวนมากยังเปราะบาง มีอัตราการปิดตัวสูงโดยเฉพาะ 1-3 ปีแรก
ทั้งนี้ เพื่อลดอัตราความล้มเหลวในการเริ่มต้นธุรกิจ และไม่ให้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เราต้องยกระดับกันไปทั้งห่วงโซ่ธุรกิจอาหาร ผ่านทักษะทางธุรกิจ และทักษะการสร้างสรรค์รสชาติ KCG ในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ที่คร่ำหวอดมากว่า 67 ปี KCG เดินหน้าต่อยอด บทบาท “ผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของไทย” สู่การแก้ปัญหาในสังคม ผ่านโครงการ “จุดไฟปรุงฝัน“
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
