คน Toxic มักเป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนโดยที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาเหตุของปัญหานั้น ยิ่งถ้าเขาหรือเธอเป็นคนมีอำนาจ มีศักดินาในสังคมสูงก็ยิ่งน่ากลัว มีงานวิจัยระบุว่าคนที่ Toxic มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูไม่ได้รับการเอาใจใส่จากพ่อแม่เท่าที่ควร ทำให้เด็กเติบโตมารู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัยพอ จึงมีพฤติกรรมเรียกร้องก้าวร้าวในแบบที่ไม่ทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ Dr.Tim Cantopher จะมาอธิบายขยายความในเรื่องของคนที่ Toxic ต่อจิตใจพร้อมคำแนะนำสำหรับคนที่ได้รับผลกระทบว่าจะต้องปรับตัวปรับใจกันอย่างไรถึงสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นที่ใช้ได้กับคนในที่ทำงาน เพื่อน และคนในครอบครัว เนื้อหาภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.คนพ่นพิษกันอย่างไร2.คนและสถานที่ที่เป็นพิษ3.วิธีรับมือคนเป็นพิษ ความรู้ความประทับใจที่ได้ในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าหลักในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งก็คือการรับมือกับคนรูปแบบบต่างๆที่เราพบเจอ โดยไม่คาดหวังให้ใครคิดเหมือนเราหรือคิดแบบเดียวกับเรา ทุกคนล้วนแตกต่างกัน ได้เรียนรู้ว่าคนที่เห็นแก่คนอื่นพึงระวังจะถูกรายล้อมด้วยคนเห็นแก่ตัว คนส่วนใหญ่พยายามวางตัวเป็นคนดีมีเมตตาเอื้อเฟื้อกับคนอื่น แต่บางคนก็ใจร้ายตลอดเวลา ยอมเสียเวลาเพื่อตามหาคนที่สามารถยอมโอนอ่อนใช้ทำงานให้กับตนได้ ได้เรียนรู้ว่าคนส่วนใหญ่มักคิดเข้าข้างตัวเองว่าเรื่องล้มเหลวผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับคนอื่นนั้น เกิดจากความคิด พฤติกรรมของคนเหล่านั้นเอง แทนที่จะมองว่าเกิดจากปัจจัยภายนอก พอเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองกลับเป็นตรงกันข้าม เช่น ตนสอบไม่ผ่านเพราะข้อสอบยากเกินไป ไม่ได้มองว่าเราเตรียมตัวไม่ดีพอ ส่วนการสอบผ่านเกิดจากความพยายามของตน หากเป็นความล้มเหลวถือว่าเกิดจากปัจจัยภายนอก ได้เรียนรู้ว่าเป็นธรรมดาที่คนเราเคยถูกบงการมาแล้วสักครั้งหรือหลายครั้ง แต่ถ้าคนเดิมๆบงการเราได้ผลายๆครั้ง แบบนั้นถือว่าตนน่าจะมีปัญหาแล้ว ได้เรียนรู้ว่าความเชื่อที่ว่าถ้าคุมให้องค์กรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายแล้ว พนักงานที่อ่อนแอจะลาออกไปแทน เหลือแต่คนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นความคิดที่ผิด แท้จริงแล้ว พนักงานที่ดีที่สุด ขยันที่สุด จะพร้อมรับฟังคำสั่งและทุ่มสุดตัวเพื่อปฏิบัติตาม ท้ายที่สุดพวกเขาจะหมดกำลังใจ หมดเรี่ยวแรง ยอมลาออกไปเอง เหลือแต่พนักงานที่ Toxic แทน ได้เรียนรู้ว่าเราอาจทิ้งเพื่อนที่ไม่เป็นมิตรได้ แต่เราต้องติดอยู่กับครอบครัวไปตลอด คน Toxic จะส่งผลหลายเท่าหากเขาเป็นพ่อแม่ของเรา ไม่ใช่แค่ญาติที่รู้จักกัน ได้เรียนรู้ว่าอย่าลืมให้อภัยตนเองเมื่อทำผิดพลาด ในขณะเดียวกันเราต้องซื่อสัตย์และเรียนรู้จากความผิดพลาด และพยายามอย่าไปโทษคนอื่นเช่นกัน ได้เรียนรู้ว่าเมื่อที่จนปัญญาและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ จงหาคนที่ไว้ใจได้พูดคุยด้วย ถ้าเรากำลังรับมือกับคน Toxic ลองแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกกับคนอื่น เพราะกลุ่มคนอื่นหลายๆคนจะรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้ ได้เรียนรู้ว่ากลุ่มเพื่อนอาจจะปกป้องเราจากผู้คนและสถานการณ์ที่เป็นพิษได้ แต่ข้อเสียก็คือถ้าคนในกลุ่มมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นไร้เมตตา เราก็อาจถูกบีบให้ทำสิ่งที่ร้ายกาจที่ปกติเราไม่อยากทำก็ได้ ได้เรียนรู้ว่าอย่าพยายามแก้ปัญหาของใครจนกว่าเจ้าตัวจะยอมรับ ขอร้องให้ช่วยเหลือก่อน เพราะการยัดเยียดความช่วยเหลือที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์อาจทำให้เหตุการณ์แย่ลงไปอีก ได้เรียนรู้ว่าชีวิตไม่ได้ยุติธรรม ผู้คนก็เช่นกัน คนที่มีความสุขทุกคนในโลกจะมองหาโอกาสไม่ใช่ความยุติธรรม กลับกัน ถ้าเราดึงดันที่จะแสวงหาความยุติธรรมหรือสิ่งที่เราควรได้ตลอดเวลา ชีวิตเราจะข่มขื่นและไม่มีความสุข ได้เรียนรู้ว่าไม่มีชีวิตใครสมบูรณ์แบบ ชีวิตมีทั้งเรื่องดีและร้าย เราก็ต้องรับมือกับเรื่องเหม็นๆให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้และเพลิดเพลินไปกับเรื่องดีๆที่หอมหวาน โดยตระหนักว่าไม่มีสิ่งใดคงอยู่ได้ตลอดไป ได้เรียนรู้ว่าอย่าเสียเวลาไปกับการพยายามลงโทษคนที่นำโชคร้ายมาให้เรา การแก้แค้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น คนที่ Toxic พวกนี้จะไม่ได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เราลงมือแก้แค้น แถมยังเอาคืนเก่งอีกด้วย ได้เรียนรู้ว่าเราต้องยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนและข้อบกพร่อง เราแค่กำลังพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่เก่งขึ้นและแก้ไขจุดอ่อนนั้น แต่อย่าลดคุณค่าของตัวเองด้วยคำพูดอย่าง “ฉันน่าเบื่อ ไร้ค่า ไม่คู่ควร” มันมีแต่จะทำให้ความเชื่อมั่นถดถอย ได้เรียนรู้ว่าอย่าพยายามจัดการกับคนที่ Toxic สิ่งที่เราต้องจัดการคือตัวเราเอง ทางเลือก และสถานการณ์ของเรา ถ้าเจอคนที่ Toxic เราไม่ต้องแก้อะไร แค่ปลีกตัวออกมาแล้วใส่ใจเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์กว่า เราทุกคนมีอคติส่วนตัวไม่มากก็น้อย แต่เราควรระวังอย่าคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ได้เรียนรู้ว่าถ้าเราพยายามเลิกเหล้า อย่าตอบรับไปร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำกับคนที่ดื่ม ช่วงแรกพวกเขาอาจจะผิดหวัง แต่เดี๋ยวพวกเขาก็เลิกใส่ใจและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าว เขาก็ไม่ใช่เพื่อนแท้ เพราะเรามีหน้าที่ที่ต้องดูแลตัวเอง ไม่ใช่ตามใจให้ใครมายอมรับในตัวเรา อย่าปล่อยให้คำพูดคนอื่นมากำหนดว่าเรารู้สึกอย่างไร ต้องทำแบบไหน ทั้งหมดนี้แม้ว่าเราจะไม่อาจแก้ที่ต้นเหตุโดยการระงับคน Toxic ไม่ให้มีตัวตนบนโลกนี้ได้ แต่เราก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองให้อยู่รอดและมีชีวิตอย่างเป็นปกติสุขให้ได้จริงๆ ท่ามกลางความวุ่นวายและความไม่แน่นอนของสังคมทุนนิยมที่บีบคั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนสมัยนี้หมดความอดทนง่ายขึ้น การรับมือกับความเป็นพิษทางจิตใจไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังสิ้นเปลืองพลังงาน เสียความรู้สึก และต้องอดทนอย่างมากในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ แต่เราเองก็อยากมีชีวิตที่อยู่รอดในสังคม ได้รับการยอมรับและปรับตัวกับสภาวการณ์ต่างๆได้ดี เราจึงต้องมีจิตใจที่สงบ หลีกเลี่ยงการเล่นพวกพ้องโดยไม่จำเป็น และเดินเกมทางจิตวิทยาให้ถูกต้อง อย่างน้อยเราก็จะมองคนเหล่านั้นว่าไม่ใช่ศัตรูที่ต้องต่อต้าน แต่เป็นประสบการณ์ชีวิตที่เราต้องทำความรู้จัก เครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว โดย โกะโด โทคิโอะรีวิวหนังสือ ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้รีวิวหนังสือ ชีวิตสู้กลับแบบนี้ต้องทำไงรีวิวหนังสือ สนิทใจ (Intimacy) โดย OSHOรีวิวหนังสือ เหตุเกิดจากความเหงา (Theory of Loneliness)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !