"สุดารัตน์"ชี้ สายพันธุ์ BA.2 รุนแรงใกล้เคียงอัลฟา แนะเตรียมระบบให้พร้อม เร่งการคัดกรอง

ข่าววันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย แนะนำรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ให้บอกความจริงกับประชาชน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ว่า โควิด-19 ได้กลายพันธุ์จากสายพันธุ์ เดิมคือ BA.1 มาเป็น BA.2 และสามารถขยายจำนวนได้เร็วกว่าถึง 1.4 เท่า รวมถึงยังหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่สร้างจาก BA.1ได้ ที่สำคัญสายพันธุ์ BA.2 ยังทำให้เกิดพยาธิสภาพในปอดใกล้เคียงกับสายพันธุ์อัลฟ่า ดังนั้นจึงมีความรุนแรงกว่าสายพันธุ์ BA.1 ซึ่งใกล้เคียงกับสายพันธุ์อัลฟ่า และจากการติดตามข้อมูลในต่างประเทศพบว่าสายพันธุ์ BA.2 ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลัก เช่นในประเทศเดนมาร์ก ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และยังพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่าก่อนหน้านี้พรรคไทยสร้างไทยได้ให้ความเห็นและเตือนไปถึงผู้มีอำนาจ ว่าต้องควบคุมการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขยายวงกว้าง แต่ในท้ายที่สุดการระบาดก็กลับมาหนักอีกครั้ง วันนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ รวมตรวจแบบ ATK กว่า 38,000 คนเสียชีวิตเพิ่มอีก 39 คน และกำลังรักษาตัวสูงถึง 173,605 คน มีผู้ป่วยอาการหนัก 882 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 229 คน ขณะที่ตัวเลขรักษาตัวใน รพ.สนามและอื่น ซึ่งรวมถึง Home Isolation และ Community Isolation พุ่งไปกว่า 102,191 รายแล้ว

ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ได้ให้คำแนะนำไปนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ว่าหากปล่อยให้มีการระบาดอย่างกว้างขวางเช่นนี้ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะสาธารณสุขล่มได้เช่นกัน ดังนั้นผู้มีอำนาจจะต้องเร่งเตรียมการรองรับระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะการกลับมาเปิดโรงพยาบาลสนามโดยต้องทั่วถึงทุกพื้นที่ เพราะขณะนี้การระบาดได้ขยายวงลงไปสู่ชุมชนทั่วประเทศแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อ ในชุมชนจะไม่สามารถทำ Home isolation ได้ทุกคน

“การเร่งคัดกรอง เปิดโรงพยาบาลสนามให้ครอบคลุม เพียงพอจึงจำเป็นเร่งด่วนที่สุด และต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายและรวดเร็ว เพื่อแยกผู้ป่วยออกจากชุมชน ไปเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ซึ่งหากล่าช้า ผลกระทบอาจยาวนานไปถึงช่วงสงกรานต์ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า การเตรียมระบบสาธารณสุขจะต้องสอดคล้องกับการระบาดของสายพันธุ์ BA.2 ซึ่งมีความรุนแรง ในระดับที่ใกล้เคียงกับสายพันธ์อัลฟา ซึ่งรัฐยังไม่ได้เตรียมการในเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะการบอกข้อเท็จจริงกับประชาชนให้รู้ เพราะหากปล่อยให้เกิดการระบาดเช่นนี้ต่อไป ผู้ป่วยวิกฤตจะสูงขึ้น ดังนั้นรัฐจึงต้อง เตรียมการเพื่อดูแลผู้ป่วยในส่วนนี้

ขณะเดียวกันต้องเร่งการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งการฉีดกระตุ้น โดยนำบทเรียนจากในประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ซึ่งนำวัคซีนใหม่ที่เป็นโปรตีนวัคซีน มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงเข้ามาใช้เพิ่มเติม โดยเฉพาะโนวาแวกซ์วัคซีน รัฐบาลควรพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมให้กับประชาชน และรับมือกับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น