พังงาฝนตกหนัก ตะกั่วป่าน้ำท่วมถนนสายหลัก-เตือนจุดเสี่ยงดินโคลนถล่ม

ภาพจาก ผู้สื่อข่าว จ.พังงา 

วันที่ 26 กันยายน 2564 หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ทำให้พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก บริเวณกิโลเมตรที่ 773 และกิโลเมตรที่ 774 เส้นทางหลักเชื่อมต่อระหว่างอำเภอตะกั่วป่า และอำเภอท้ายเหมือง ในตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก อยู่ระหว่างการก่อสร้างขยายทางถนนเพชรเกษม จาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ผิวจราจรทางด้านขวาขาล่อง ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ทำให้รถยนต์ที่สัญจรไปมาเกิดเครื่องดับระหว่างทาง 

ร้อยตำรวจตรี ธรา แสงสุวรรณะ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 7 เปิดเผยว่า หมวดการทางตะกั่วป่า สั่งปิดเส้นทางซึ่งถูกน้ำท่วม แล้วจัดการจราจรให้รถทั้งขาขึ้นและขาล่อง เปลี่ยนมาใช้เส้นทางซีกซ้าย โดยให้รถยนต์วิ่งสวนทางกันทั้งไปและกลับ ทั้งนี้ ตำรวจทางหลวงได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก และป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน คาดว่าหากฝนหยุดตกทิ้งช่วง ระดับน้ำจะลดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ขณะที่น้ำในคลองบางม่วง ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางราชการได้ประกาศเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มริมตลิ่ง และมีน้ำท่วมซ้ำซาก เฝ้าระวังอันตราย และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เพื่อปัองกันอันตรายจากน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม 

ส่วนบริเวณบ้านบางเนียง ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า ก็เกิดภาวะน้ำหลากท่วมผิวจราจรบริเวณถนนเพชรเกษม หน้าตลาดสดบางเนียง เนื่องจากการระบายน้ำติดขัด เพราะช่องระบายน้ำมีขนาดเล็ก ดินทรายไหลเข้าไปกีดขวางทางระบายน้ำ เกิดน้ำท่วมผิจจราจรสูงประมาณ 30 เซนติเมตรเช่นกัน การจารจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยพื้นที่ริมทางถูกน้ำกัดเซาะเสียหายหลายจุด 

นายจุติโชติ บุญโชติ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา เขตอำเภอตะกั่วป่า เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ และทุกครั้งที่ผ่านมาบริเวณจุดนี้เกิดจากปัญหาการวางท่อระบายน้ำ ที่ไม่เหมาะสมกับปริมาณน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจรผ่านไปมา หากมีการเพิ่มงบประมาณมาขยายท่อระบายน้ำให้กว้างขึ้นไม่น้อยกว่า 2 เมตร ก็เชื่อว่าปัญหาน้ำท่วมขังจะบรรเทาลง หรือหมดไปในที่สุด

อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพังงา แม้ว่าหลายพื้นที่จะเป็นจุดเสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมในทะเลยังมีความรุนแรงความสูงของคลื่นประมาณ 2-4 เมตร เรือเล็กทุกชนิดควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้