CRD รับเหมาพ้นจุดต่ำสุด ปักเป้าแบ็กล็อกชนพันล้าน
CRD ธุรกิจรับเหมาพ้นจุดต่ำสุด ส่งซิกโปรเจ็กต์ออกประมูลครึ่งปีหลังเพียบ ตั้งเป้าแบ็กล็อกสิ้นปี 2566 ชนพันล้านบาท จากปัจจุบันที่ 300 ล้านบาท เล็งบุ๊กรายได้เข้าไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป ลุ้นบิ๊กโปรเจ็กต์บริหารจัดการขยะ 600 ล้านบาท
นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) หรือ CRD เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทพลิกมีกำไรเล็กน้อย 0.98 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับก่อนขาดทุน 7.76 ล้านบาท คิดเป็นพลิกกำไร 112.63% ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทคาดภาพรวมผลประกอบการจะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมา
** ชิงงานครึ่งหลัง
ทั้งนี้ต้นปี 2566 บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog ธุรกิจรับเหมาเล็กน้อยเพียง 300 ล้านบาท ส่งผลให้การรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ไม่มาก ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2566 คาดจะมีโครงการใหม่ให้ประมูลเป็นจำนวนมาก โดยจะเห็นชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 3/2566 ไปจนถึงไตรมาส 4/2566 เบื้องต้นคาดจะมีโครงการออกมาให้ประมูลรวมหลักพันล้านบาท
สำหรับโครงการที่ออกมาให้ประมูล มีทั้งงานราชการ มูลค่าราว 200 ล้านบาท ส่วนงานเอกชน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อรับงานกับพาร์ตเนอร์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันพาร์ตเนอร์เริ่มขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ คาดจะมีโครงการรับเหมาเข้ามาเพิ่มเติม
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าจะมี Backlog ธุรกิจรับเหมาสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 300 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการขยะ ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาในมือรวม 1.3-1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็น การบริหารจัดการขยะอำเภอปากเกร็ด จังหวันนนทบุรี จำนวน 700 ล้านบาท การบริหารจัดการขยะ จังหวีดเชียงใหม่ 500 ล้านบาท และการบริหารจัดการขยะ จังหวัดลำปาง กว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งคาดจะมีโครงการบริหารจัดการขยะโครงการใหญ่อีก 2 โครงการปี 2567 เบื้องต้นคาดมูลค่างานจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท
** ครึ่งหลังทรงตัว
สำหรับภาพรวมผลประกอบการ และธุรกิจของ CRD ครึ่งปีหลัง 2566 คาดจะทรงตัว เนื่องจากต้องจับตาดูเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตัวกำหนดเศรษฐกิจทั่วโลก
“ครึ่งปีแรก 2566 รายได้เราทำได้ไม่เยอะ เพราะ Backlog งานรับเหมามีเพียง 300 ล้านบาท แต่คาดช่วงที่เหลือปีนี้จะมีโครงการออกมาให้ประมูลเยอะขึ้น โดยจะเห็นตั้งแต่ไตรมาส 3 ไปจนถึงไตรมาส 4 หากได้งานเข้ามาเพิ่มเติม จะช่วยหนุนรายได้ของเราให้เพิ่มขึ้น แต่จะเห็นภาพรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบบชัดๆ ในไตรมาส 4 ปีนี้ ไปข้ามไปถึงไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งเรามองว่างานรับเหมาน่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว” นายธีรพัฒน์ กล่าว
นายธีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ด้านฐานทุนของบริษัท ปัจจุบันเริ่มเก็บเงิน หรือเก็บหนี้จากลูกค้าหนี้ได้แล้ว โดยมีมูลค่า 150 ล้านบาท คาดจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงปลายปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาในบริษัทเพิ่มขึ้น และจะทำให้มีกระแสเงินสดสำหรับรับงานรับเหมามากขึ้น ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่ระดับ 2 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับปกติ แต่ยังมีศักยภาพในการหาแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต
อนึ่ง 6 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 448.50 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 13.94 ล้านบาท