ความไม่แน่นอน คือ สิ่งเดียวที่แน่นอน และนี่คือสิ่งที่กระทบกับเรื่องของการเงิน ความสัมพันธ์ กานทำงาน เรื่องส่วนตัว และเรื่องอื่นๆอีกหลายด้าน แนวคิดในเรื่องของความไม่เที่ยง แปรปรวนเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ไม่ขึ้นกับกาลเวลา เราสามารถหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกันได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ความไม่เที่ยงจะยังคงอยู่กับเราเสมอ Morgan Housel เจ้าของผลงานเขียนขายดีอย่างหนังสือ The Psychology of Money (จิตวิทยาว่าด้วยเรื่องเงิน) จะมาให้แนวคิดเรื่องดังกล่าวในแบบฉบับของเขา แม้จะดูเหมือนเน้นในเรื่องของเงิน แต่มันใช้กับเรื่องอื่นๆได้อีกด้วย ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.โชคชะตา...แขวนอยู่บนเส้นด้าย บทเรียนยิ่งใหญ่ที่ได้จากประวัติศาสตร์คือความจริงที่ว่า “โชคชะตามองโลกแขวนอยู่บนเส้นด้าย”การเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญ มักเกิดขึ้นจากปัจจัยเล็ก ๆที่แทบไม่มีใครคาดคิด เช่น สหรัฐอเมริกา เกือบจะไม่ได้เป็นมหาอำนาจโลกจากเหตุการณ์ของ Battle of Long Island ระหว่างที่กองทัพของจอร์จ วอชิงตัน (หนึ่งในบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา)กําลังจะถูกถล่มยับโดยกองเรืออังกฤษ แต่น่าประหลาดที่คลื่นลมวันนั้นกลับเปลี่ยนทิศทาง อังกฤษนําเรือเทียบท่าไม่สําเร็จและเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป — เราจึงไม่ควรมั่นใจเกินไปเมื่อพูดถึงอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่ามีอีกที่สิ่งที่จะทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น 2.มนุษย์มีความสามารถที่จะคาดการณ์อนาคตได้อย่างดีเยี่ยม ยกเว้นแต่เพียงการรู้เท่าทันเรื่องไม่คาดฝัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องสําคัญ สิ่งที่ไม่คาดฝันเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า “ความเสี่ยง" มันคืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นหลังจากการที่เราคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างเพียงพอแล้ว — ตัวอย่างเช่นบทคาดการณ์อนาคตของ The Economist ปี 2020 ไม่มีสักคำเลยที่บอกว่าโควิดจะระบาด และปี 2022 ก็ไม่มีสักคำเลยที่บอกล่วงหน้าเอาไว้ว่ารัสเซียจะบุกเข้าไปทำสงครามกับยูเครนความเสี่ยงถือเป็นสิ่งที่ยากจะรู้เท่าทันล่วงหน้าและรับมือได้โดยไม่สูญเสียอะไร และเราก็ไม่ควรปักใจเชื่อใครเต็มที่ เวลาใครคนหนึ่ง ซึ่งวางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องหนึ่ง ๆ ฟันธงถึงอนาคต 3.ความสุข...ขึ้นอยู่กับความคาดหวัง มหาเศรษฐีเมื่อ 100 ปีก่อนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่เรามีวันนี้ แต่ทำไมเราถึงยังไม่พอใจชีวิตตัวเองสักทีนั่นเพราะความรู้สึกที่ว่าในสังคมนั้นยังมีอีกหลายคนที่มีมากกว่าเรา ซึ่งเกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบเรื่องราวต่าง ๆ — ตัวเร่งสำคัญของการเปรียบเทียบใบรู้จบ ความต้องการที่มากขึ้น คาดหวังที่มากขึ้นก็คือ “โซเชียลมีเดีย” ที่มากระตุ้นให้เราอยากมีแบบคนอื่น ๆ บ้างสอดคล้องกับที่ชาร์ลี มังเกอร์ บอกไว้ว่า“มนุษย์เราไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความเห็นแก่ตัว แต่เป็นความอิจฉาต่างหาก” นี่เองที่ทําให้เรากดดันตัวเองไม่หยุด และฉุดความสูงของเราให้น้อยลง ๆ เรื่อย ๆ 4.คนที่มีอัจฉริยภาพในด้านหนึ่งมาก ๆ มักจะมีความไม่เป็นปกติอย่างมากในด้านอื่น ๆ เพราะการมีความเชี่ยวชาญอะไรมากๆ หมายความว่าสมองไปโฟกัสทักษะใดทักษะหนึ่งมาก ทำให้เกิดจุดมืดบอดขึ้นในทักษะอื่น ๆ ซึ่งบางครั้งมันก็อาจทําลายชีวิตได้ อย่างอีลอน มัสก์ ที่เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิด ทว่าตัวเขานั้นกลับเป็นคนที่ขาดความเห็นอกเห็นใจในผู้อื่น และมีปัญหาด้านความสัมพันธ์อยู่เรื่อย ๆ เขาจึงมีอาการทางจิตและรู้สึกชีวิตว่างเปล่าอยู่หลายครั้ง แม้จะมีทรัพย์สมบัติมากมายติดอันดับโลกก็ตาม ด้วยเหตุนี้ เมื่อเรามองไปยังคนเก่ง คนที่ประสบความสำเร็จ เราควรมองให้เห็นว่าชีวิตของพวกเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบ และก็ไม่ควรจะไปรู้สึกอิจฉาใคร ๆ ให้ร้อนรุ่มใจ 5.มองความน่าจะเป็น...คือทักษะที่จําเป็น ที่โลกทุกวันนี้ยังมีแต่ปัญหา นั่นเพราะคนโง่มีนิสัยชอบมั่นใจเกินเหตุ ขณะที่คนเหตุผลที่คนเราปลงใจเชื่ออะไรง่าย ๆฉลาดมักจะมีความฉงนสงสัยอยู่เสมอ นั่นเพราะว่าการมองสิ่งต่าง ๆ ด้วยหลักความน่าจะเป็นมันยากและกินพลังงานของสมองพอสมควร เช่น เมื่อมีข่าวเครื่องบินตกคนตระหนกกลัวจนไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน ถึงขั้นเชื่อฝังใจว่าเครื่องบินเป็นยานพาหนะที่ไม่ปลอดภัย แต่เมื่อประเมินตามหลักความน่าจะเป็นแล้ว เครื่องบินยังคงถือเป็นยานพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดการปลงใจเชื่ออะไรง่าย ๆ เกิดตั้งแต่สมัยมนุษย์อยู่ในป่า การไม่ตอบสนองทันทีอาจอันตรายกับชีวิต แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่ การตอบสนองโดยทันทีอาจไม่สอดคล้องกับความซับซ้อนของสังคม ซึ่งต้องการให้เราใช้สมองส่วนคิดวิเคราะห์และคิดไตร่ตรองมากขึ้น 6.มีข้อมูลมากมายในโลกที่รอให้เราใช้สมองวิเคราะห์พิจารณา ทว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะตัดสินใจทุกอย่างให้รอบคอบ ยิ่งกว่านั้นคือมักตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล เพราะฉะนั้นการถ่ายทอดข้อมูลที่เป็น 'เรื่องราว' จึงสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ดีกว่าการอธิบายด้วยตัวเลขต่างๆ เมื่อเราถ่ายทอดข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้เป็นเรื่องราว คนบางส่วนจะเชื่อที่เราพูด และเมื่อเราถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องให้เป็นเรื่องราว คนส่วนใหญ่จะเชื่อที่เราพูด เรื่องราว” จึงถือเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ช่วยให้ข้อมูลน่าเชื่อถือ — อย่างเหตุการณ์เรือไททานิคล่ม ไม่ว่าจะเป็นคําบอกเล่าจากผู้รอดชีวิตหรือภาพยนตร์ ล้วนทำให้ไททานิคเป็นภาพจำอุบัติเหตุเรือร่มครั้งใหญ่ที่สุดก่อนหน้านั้น แม้จะมีเหตุเรือร่มที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่านั้นถึง 3 เท่า 7.การตัดสินใจส่วนใหญ่ของคนเราไม่ใช่การป้อนค่าใส่โปรแกรมให้แสดงผลออกมา แต่เป็นการตัดสินใจด้วยอารมณ์ซะส่วนใหญ่หลากหลายเรื่องราวรอบตัวเราจึงมาจากความไม่สมเหตุสมผลอย่างแนวคิดเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ว่าถึงสิ่งใดๆ ก็ตามที่คนเราได้ให้ความต้องการแล้ว ย่อมมีคุณค่าขึ้นมาเสมอ แม้ว่าของสิ่งนั้นอาจไม่มีประโยชน์ หรืออาจไม่จำเป็นกับชีวิตเลย แต่ถ้ามันสามารถกระทบต่ออารมณ์ของคนได้ ก็ย่อมมีคุณค่าขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้ โลกของเราจึงเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่เกิดจากความไม่สมเหตุสมผลหลายเรื่องราวจึงยากเกินจะคำนวณได้และยากจะกำหนดให้ผลเป็นไปตามใจคิด 8.ถ้าเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ เราจะพบว่าความสงบสุขนี่เองที่เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งวิกฤติต่าง ๆ ไม่ว่าจะในการทำธุรกิจ, การลงทุน,การทำงาน, ความสัมพันธ์, และเป็นปัญหาในเรื่องอื่นๆ อีกมากโดยมักเกิดขึ้นในรูปแบบดังนี้ (1) ปัญหาทำให้เรากระวนกระวายนําไปสู่ความทะเยอทะยานที่จะหาทางออกจากปัญหา (2) ความกระวนกระวายทำให้เครียด เมื่อออกจากปัญหาหรือคว้าความสำเร็จได้แล้ว เราจึงคลายเครียดโดยเลือกดื่มค่าความสุขแทน (3) เมื่อดื่มด่าความสูงมากเกินใป เป็นธรรมดาที่ศักยภาพของคนเราจะตกต่ำลง เป็นผลให้ปัญหาใหญ่ ๆ วนเวียนเข้ามาอีก จุดที่ดีที่สุดคือ “สมดุล” ไม่เครียดเกินยามที่ชีวิตมีปัญหา และไม่ห่วงรักสบายชะล่าใจ ปล่อยให้ปัญหาใหญ่ลุกลาม 9.สิ่งต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างปกติเมื่ออยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่จะพังครื้นลงเมื่อถูกสั่งให้มากขึ้นหรือเร่งให้เร็วขึ้น ความจริงนี้ปรากฏให้เห็นกับสิ่งต่าง ๆรอบตัว เช่น Robert Wadllow ชายที่มีร่างกายสูงถึง 2.7 เมตร น้ำหนัก 225 กก. ถ้าว่าด้วยเหตุผลแล้ว เขาควรที่จะเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงเกินใคร แต่เพราะร่างกายที่ใหญ่ผิดมนุษย์มนามาก กระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ของเขาจึงรับน้ำหนักไม่ไหว ทำให้เดินเหินลำบากและเสียชีวิตในวัยเพียง 22 ปี การขยายกิจการก็เช่นกัน อย่างสตาร์บัคส์ในช่วงปี 2000 ที่คิดว่าการเพิ่มสาขาให้เร็ว จะช่วยเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นเร็วตามแต่ผลที่ออกมาคือสตาร์บัคส์ขาดทุนหนัก จนหุ้นร่วงลงถึง 73% 10.การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และการมาถึงของนวัตกรรมที่สำคัญ ล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มนุษย์เผชิญกับเหตุการณ์คับขัน ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เต็มอิ่มความสุข เช่น รถยนต์และเครื่องบิน มีการเริ่มใช้อย่างจริงจังในการทหารช่วงสงครามโลก ก่อนที่จะพัฒนาเอามาใช้กับคนทั่วไป รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ก็มีที่มาจากการทหาร ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต เรดาร์ เซ็นเซอร์ตรวจจับ ระบบจีพีเอส หรือเครื่องไมโครเวฟ เพราะสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานสามารถกระตุ้นให้คนมีความโปรดักทีพ กระตือรือร้น และเร่งคิดค้นหาวิธีแก้ปัญหา ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือนวัตกรรม เทคโนโลยีและความรู้ใหม่ ๆ 11.“ข่าวดี” เกิดจากการทำบางอย่างสะสมและต้องอาศัยระยะเวลา ข่าวร้าย เกิดจากการสูญเสียความมั่นใจหรือเกิดจากความผิดพลาดในระดับแค่พริบตา เช่น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดไวท์ ไอเซนฮาวร์ได้กินแฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารกลางวัน เย็นวันนั้นเขาบ่นว่าเจ็บหน้าอกและบอกกับภรรยาไปว่า ตนมีอาการเสียดแน่นท้อง จากนั้นเขาก็เริ่มตื่นตระหนก จนหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งในปีเดียวกันนั้น มีคนอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึง 7 แสนคน ทว่าตั้งแต่ปี 1950 ถึง 2014 อัตราคนเสียชีวิตจากโรคหัวใจวายลดลงถึง 70% ตัวเลขนี้นับเป็นข่าวที่ดีมาก ๆ แต่หลายคนไม่รู้ เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านการพัฒนาสะสมถึง 65 ปี เท่ากับว่าทำได้แค่ลดอัตราการตายลงปีละ 1.5% เท่านั้น 12.หนึ่งในความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ล้วนเกิดขึ้นจากการสะสมของสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างวิกฤติ “โควิด' ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกปล่อยปละละเลย จนปัญหาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วระเบิดสร้างความเสียหายไปทั่วโลก อีกตัวอย่างคือการวิวัฒนาการของมนุษย์ ที่ต้องอาศัยเวลานับพันล้านปี จากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวจนค่อย ๆ กลายมาเป็นสัตว์สองงาที่ทรงปัญญาอย่างทุกวันนี้ การลงทุนเองก็เช่นกัน คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยที่ชอบลงทุนต่อเนื่อง จนได้ผลตอบแทนมหาศาลจากดอกเบี้ยทบต้น 13.มองโลกแง่บวก...พร้อมกับมองโลกแง่ลบ ‘ความก้าวหน้า” เกิดจากการมองโลกแง่บวกในระยะยาว ควบคู่ไปกับการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบในช่วงระยะสั้นเพราะการจะบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ เราจะต้องเชื่อมั่นก่อนว่ามีความเป็นไปได้และเราสามารถทำได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงและตัดสินใจให้รอบคอบด้วยความสมเหตุสมผล — ดังนั้น “สมดุล” จึงสำคัญโดยเฉพาะสมดุลของความมั่นใจในตัวเอง ถ้ามากเกินไป เราก็อาจจะมองโลกแง่บวกจนทำอะไรที่เสี่ยงจนเกินไป แต่ถ้าหากว่าน้อยเกินไป เราก็อาจขาดความมั่นใจจนไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย 14.ผู้คนชอบบีบคั้นประสิทธิภาพของตัวเอง เพื่อให้ได้ผลงานสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพวกเขาก็รู้สึกว่าเหมือนเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จำเป็นต้องทำ เหมือนว่ากำลังเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จให้กับตัวเอง แต่การคลั่งความสมบูรณ์แบบมากเกินไปอาจให้ผลเสียกลับคืน เช่น สิ่งมีชีวิตในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือต้นไม้ที่รูปร่างใหญ่โต ปัจจุบันได้สูญพันธ์ไปเป็นจำนวนมาก เพราะความสมบูรณ์แบบ กลับมาที่วิธีการทำงานที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด มันใช้ไม่ได้กับหลายงานที่ต้องใช้ความคิดในทุกวันนี้ เพราะคนเราจะคิดงานได้ดีเมื่อได้พักอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำงานเป็นเครื่องจักร 15.ชาร์ลี มังเกอร์ ได้กล่าวไว้ประมาณว่า “วิธีที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ คือเราต้องใส่ความพยายามให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการ” ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากมีเงิน 10 ล้านบาท วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือตั้งใจทำงานสุจริตเพื่อหาเงิน แล้วอาจนําเงินไปต่อยอดลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำา ซึ่งอาจปลอดภัยกว่าวิธีที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เกร็งกำไรหุ้น ปั่นหุ้น หรือฉ้อโกง ทว่าการบรรลุเป้าหมายด้วยวิธีปลอดภัยเราจําเป็นที่จะต้องตระหนักให้ได้ก่อนว่าความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง ส่วนสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ก็มีอยู่มาก เราจึงจำเป็นต้องอดทนต่อปัญหาต่าง ๆ แต่วิธีนี้ย่อมคุ้มค่ากว่าการใช้ทางลัดท่าสิ่งที่สุ่มเสี่ยง 16.วิวัฒนาการในธรรมชาติกระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากกิ้งก่าตัวเล็ก กลายเป็นทีเร็กซ์ตัวยักษ์ แต่ขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นกลับทำให้เสี่ยงสูญพันธุ์มากขึ้น เช่น แมวใช้เวลาตั้งท้อง 2 เดือน คลอดลูกครั้งละ 3-5 ตัว และตกจากที่สูง 30 เท่าความสูงตัวมันก็จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ขณะที่ช้างนั้นใช้เวลาตั้งท้องเกือบ 2 ปีคลอดลูกครั้งละ 1 ตัว และจะตายเมื่อตกจากที่สูงเกิน 2 เท่าของความสูงตัวมัน เช่นเดียวกับธุรกิจที่ขยายใหญ่ขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้น ก็มักจะขาดความคล่องตัวและไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก สุดท้ายพังครื้น แล้วก็ล้มหายจากไป 17.รูปแบบทั่วไปที่คนทุกยุคทุกสมัยตอบสนอง ต่อเทคโนโลยี คือ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน -> ฉันเคยได้ยิน แต่ยังไม่เข้าใจ -> ฉันเข้าใจ แต่ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไร -> ฉันได้ลองใช้มัน แต่รู้สึกว่าก็แค่ของเล่นมันมีประโยชน์นะเนี่ย -> ฉันใช้มันตลอดเวลา -> ฉันคิดว่าฉันขาดมันไม่ได้แน่ ๆ -> มันทรงพลังเกินไปและจำเป็นต้องควบคุม เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะเทคโนโลยีใดก็ตาม จะต้องเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ก่อนเสมอ และพึ่งพาการพัฒนาของเทคโนโลยีอื่นเพื่อเสริมให้ตัวมันเองถูกพัฒนาไปด้วย เทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จมีที่มาจากการพัฒนาของยุคสมัย ไม่ใช่แค่จากใครคนหนึ่ง 18.ทุกสิ่งที่เราเห็นตอนแรกล้วนเป็นเพียง“เปลือก” ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนถูกตกแต่งสวยงามให้เราประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นรูปสวย ๆ ในอินสตราแกรมของคนไปเที่ยวเมืองนอก ที่เบื้องหลังของคนนั้น เงาอาจเป็นหนี้เพราะกำลังผ่อนค่าทริปให้ธนาคาร หรือประวัติที่ดูดีในเรซูเม่ ก็อาจมีข้อมูลที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยเอาใว้ ซึ่งอาจเป็นนิสัยแย่ ๆ ของคนนั้นก็ได้ หรือว่าจะเป็นคุณบิล เกตส์ ผู้ที่ประสบความสําเร็จระดับโลก และทํางานการกุศลให้สังคมมากมาย ก็ยังมีปัญหาความสัมพันธ์ถึงขั้นหย่าร้างกับภรรยา ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าเราจะด้อยค่าตัวตนของตัวเอง เพียงเพราะเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเปลือกผู้อื่น 19.คนปกติกว่า 50% จะกลายเป็นคนที่ทำอะไรบ้าบอได้ง่าย ๆ เมื่อถูกล่อลวงด้วยสิ่งจูงใจอย่างเงิน, ชื่อเสียง, เกียรติยศ, อำนาจเพราะสำหรับมนุษย์เรานั้น 'สิ่งจูงใจ' คือสิ่งที่มีพลังรุนแรงที่สุด นี่คือปัจจัยที่ทำให้โลกเกิดปัญหา เพราะคนที่มีแรงจูงใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระดับสูงมาก ๆ มักไม่เลือกวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมายทำให้เกิดความเดือดร้อนตามมาต่อทั้งตัวเองและสังคม เช่น ไปทำการต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่น ด้วยเหตุนี้เราควรใช้สติคิดให้ดี ว่าวิธีการที่เราจะเลือกทำตามแรงจูงใจนั้น มันจะพาเราไปถึงที่บนยอดเขา หรือทำให้เราพลัดตกเหวกันแน่ 20.ไม่มีอะไรโน้มน้าวใจเราได้มากไปกว่าสิ่งที่เราได้สัมผัสมากับตัวโดยตรง เราสามารถศึกษาหรือใช้เหตุผลเพื่อทำความเข้าใจบางเรื่องราวได้ แต่เราจะไม่มีทางเชื่อ, ชอบ, หรือเกลียดสิ่งนั้นได้อย่างสนิทใจ ต่อเมื่อเผชิญด้วยตัวเอง ตัวอย่างเรื่องการลงทุน วอร์เรน บัพเฟตต์ หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกได้ให้คำแนะนำผู้คนว่า “จงโลกในเวลาที่ผู้คนหวาดกลัว”หมายความว่าให้ชื้อหุ้นพื้นฐานดีเพิ่มในเวลาที่ตลาดทุนตกต่ำ แม้หลายคนจะรู้จักค่าแนะนำานี้กันดีแล้ว แต่เวลาเห็นพอร์ตหุ้นติดลบก็ยังทำใจได้ยากที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มหรือการที่เราให้คำแนะนำต่าง ๆ กับเพื่อนที่เพิ่งอกหัก แต่พอเวลาเจอเข้ากับตัวเองเราก็ทำตามคำแนะนําที่ให้กับคนอื่นไม่ได้ 21.ระยะยาว...คือเกมส์ของผู้ที่พร้อม หลายคนรู้ว่าการมองภาพระยะยาวเป็นความคิดที่ดี แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถทำได้ตามความคิดนั้น เพราะการทำบางอย่างให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ คนเราจําเป็นจะต้องอาศัยความอุตสาหะ,ความพากเพียรในการเรียนรู้, และความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เท่าทันยุคสมัย — “ระยะยาว” คือผลรวมที่ต่อเนื่องกันของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ซึ่งรวมถึงปัญหาต่าง ๆ นานา ทั้งเล็กใหญ่ที่วนเวียนเข้ามา หากไม่สามารถรับมือกลับมันได้ เราก็ไม่อาจจะไปถึงจุดที่บรรลุเป้าหมายระยะยาวได้ 22.เยอะใช่ว่าดี...บางทีน้อยอาจดีกว่า ธรรมชาติมักน่าพาสิ่งต่าง ๆ กลับสู่ความเรียบง่าย อย่างวิวัฒนาการของสัตว์ จากที่ไม่ฟัน จนเริ่มมีฟันงอกขึ้นมา แล้วก็มีฟันนับร้อยซี่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป วิวัฒนาการก็ปรับลดจำนวนฟันลง ให้เหลือเฉพาะส่วนที่ใช้งานได้จริง หรือจะเป็นขนาดของสัตว์เลื้อยคลานที่ร่างกายหดเล็กลงเรื่อย ๆ ปรับตัวให้เหมาะสมกับระดับออกซิเจนของโลก เนื่องจากร่างกายที่ใหญ่โตนั้นซับซ้อนและไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม หลายอย่างในชีวิตมนุษย์ก็ต้องการความเรียบง่าย แต่พวกเรากลับคิดว่ายิ่งเยอะยิ่งดี ยิ่งซับซ้อน ยิ่งรู้สึกควบคุมได้ทว่าอะไรที่มากไปมันอาจทำให้เราใช้ทรัพยากรไปโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าเวลา เงิน พลังงานสมอง และอื่น ๆ ซึ่งมักส่งผลเสียย้อนคืน 23.ความเจ็บหายได้...แต่รอยแผลจะยังคงอยู่ เมื่อคนเราเผชิญกับเหตุการณ์บางอย่างที่รุนแรง โดยเฉพาะเรื่องที่เลวร้าย คนผู้นั้นจะมีมุมมองต่อเรื่องราวที่คล้ายกันนั้นต่างจากคนทั่วไป เช่น คนที่เสียเงินจํานวนมากไปในช่วงวิกฤติตลาดหุ้น อาจเกิดความรู้สึกฝังใจไม่กล้าลงทุนในตลาดหุ้นอีก แม้พวกเขาจะรู้ว่ายังมีโอกาสที่จะทำอะไรได้ก็ตาม หรือผู้ที่เคยสูญเสียคนสําคัญจากเหตุการณ์เครื่องบินตก คนผู้นั้นก็อาจไม่กล้าขึ้นเครื่องบินอีกเลย แม้จะมีข้อมูลที่สนับสนุนอยู่มากว่าเครื่องบินคือยานพาหนะที่ปลอดภัยที่สุดในโลกก็ตาม — เราสามารถมองเห็นและวัดผลได้เกือบทุกอย่างในโลก ยกเว้นแต่อารมณ์ ความกลัว ความหวังของผู้คน นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ว่าทําไมประวัติศาสตร์จึงมีเรื่องไม่สมเหตุสมผลเกิดอยู่เรื่อยไป ว่าด้วยเรื่องของสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง ในโลกที่เปลี่ยนไป กานทำนายอนาคตมันยาก เราจึงควรตั้งคำถามใหม่ว่าอะไรจะยังเป็นเช่นเดิม และจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เครดิตภาพ ภาพปก โดย wirestock จาก freepik.com ภาพที่ 1 2 3 และ 4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ Psychology of Money จิตวิทยาว่าด้วยเงิน โดย Morgan Housel รีวิวหนังสือ YOU ARE YOUR MONEY COACH โค้ชการเงินที่ดีที่สุดคือตัวคุณเอง รีวิวหนังสือ CONTEXTUAL MARKETING การตลาดแบบฉวยโอกาสรอบตัวมาเป็นยอดขาย รีวิวหนังสือ INBOUND MARKETING การตลาดแบบแรงดึงดูด รีวิวหนังสือ เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี โดยลงทุนแมน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !