อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของคนทำงานต่างประเทศทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทไทยแข็งค่าเหมือนปัจจุบันนี้ ทำให้สกุลเงินตราต่างประเทศหลายสกุลดิ่งลงเหว อย่างน่าเศร้าใจ! สำหรับเราเองซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนในชีวิตประจำวัน ทำให้เรารู้ว่า ค่าเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนทำให้กระเป๋าคนทำงานต่างประเทศอย่างเราฉีก ซึ่งเราจะขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนให้อ่านกันค่ะ สำหรับเราเองทำงานที่ต่างประเทศหลายปี โดยมีรายได้เป็นสกุลเงิน สวีดิชโครน (SEK) ขอชี้แจงนิดนึงนะคะเผื่อใครยังไม่รู้ ว่า ประเทศสวีเดนตั้งอยู่ในทวีปยุโรป และเข้าร่วมกลุ่มอียู (EU) มาหลายสิบปี ซึ่งกลุ่มอียูเอง ก็ตั้งสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลยูโร มาใช้ร่วมกัน แต่สำหรับประเทศสวีเดนเองยังคงใช้สกุลเงิน สวีดิชโครนในประเทศ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินยูโร และเงิน สวีดิชโครน ดังนี้คือ 1 ยูโร (EUR) = 11.67 สวีดิชโครน (SEK) และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน สวีดิชโครน ต่อ สกุลเงินบาท ดังนี้คือ 1 SEK แลกเงินบาทได้ประมาณ 3.22 บาทอัตราแลกเปลี่ยนทำคนทำงานต่างประเทศ กระเป๋าฉีก ต่อไปเราจะขอแชร์มุมมองเกี่ยวอัตราแลกเปลี่ยน ว่ามีผลกระทบต่อคนทำงานที่ต่างประเทศอย่างไรบ้าง โดยสำหรับเรามองว่าอัตราแลกเปลี่ยนทำให้เราซึ่งทำงานที่ต่างประเทศ กระเป๋าตังค์ฉีกทั้งทางตรง และทางอ้อม ดังนี้กระเป๋าฉีกทางที่ 1 อัตราแลกเปลี่ยนทำให้รายได้เราลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน อัตราแลกเปลี่ยนเงินสวีดิชโครน ต่อเงินบาทคือ 1:4 นั่นก็หมายความว่า ถ้าเราทำงานได้เงินเดือน 40,000 SEK เราจะมีรายได้เทียบเป็นเงินไทย 160,000 บาท อันนี้เป็นยอดเทียบรายได้ก่อนหักภาษี แต่ ณ ปัจจุบันที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินสวีดิชโครน ต่อเงินบาทเป็น 1:3.2 เท่ากับว่า เรามีรายได้เทียบเป็นเงินไทยแค่ 128,000 บาท เท่ากับว่าเงินในกระเป๋าเราหายไปถึง 32,000 บาท ในกรณีของเราเองที่ทำงานที่ต่างประเทศ และมีการส่งเงินกลับมาเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือครอบครัว เพื่อการลงทุน หรือ เพื่อใช้จ่ายในกรณีที่เรากลับมาเมืองไทย ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงิน มีผลต่อเงินในกระเป๋าของเราอย่างชัดเจน จนทำให้เราในฐานะคนทำงานต่างประเทศ มีเงินใช้จ่ายลดลงอย่างเห็นได้ชัด กระเป๋าฉีกทางที่ 2 อัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เงินในอนาคตลดลง ตัวอย่างในกรณีของพี่คนหนึ่งที่เคยทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 กว่าปีก่อนและตั้งใจเก็บเงินเพื่อมารอเกษียณที่เมืองไทย ณ ตอนนั้นอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ต่อเงินบาทอยู่ที่ 1:45 พี่คนนี้ก็ทำการฝากเงินในรูปเงิน USD ตั้งแต่ตอนนั้น มาถึงจุดหนึ่งที่อัตราแลกเปลี่ยนลดลงเป็น 1 USD = 30 บาท เท่ากับว่า พี่คนดังกล่าวมีเงินในกระเป๋าลดลงถึง 33 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเรามองอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงมากแบบนี้ อาจจะทำให้คนที่ทำงานต่างประเทศ และมีรายได้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศอย่างเดียว มีโอกาสที่จะได้รับเงินเกษียณอายุจำนวนน้อยลงมาก อย่างกรณีของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสวีดิชโครน กับเงินบาท หรือ กรณีของอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์กับเงินบาทอย่างเช่นในปัจจุบันนี้ สำหรับเรามองว่า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะส่งผลเสียต่อคนที่ทำงานต่างประเทศ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และการส่งออกในกรณีที่เงินบาทแข็งค่า แต่ก็จะส่งผลดีต่อการนำเข้า นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศอย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงแค่มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนของเราเอง สำหรับเรามองว่า การหวังจะไปทำงานขุดทองที่ต่างประเทศเพื่อหวังจะเก็บเงินมาใช้ในวัยเกษียณอาจจะไม่ใช่สวรรค์อีกต่อไป ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องวางแผนการเงินให้ดี ซึ่งเราก็เคยเขียนไปแล้วบางส่วน และถ้าจะให้ดีเราต้องหารายได้สองทางทั้งที่ต่างประเทศ และที่ไทย จะทำให้เราอยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ แล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะติดตามบทความอื่นรีวิว 3 เงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ถูกใจวัยทำงานบัตรเครดิต 5 วิธีใช้บัตรเครดิต ให้มีแต่ได้ ไร้ปัญหาหนี้สินเกินตัวรีวิว วิธีเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน K-cyber tradeวางแผนเกษียณกันเถอะ เตรียมตัวยังไงให้มีเงินใช้พอเครดิตภาพปก โดย Karolina Grabowska จาก Pexelsภาพที่ 1 โดย Ahsen จาก Pexelsภาพที่ 2 โดย ผู้เขียนภาพที่ 3 โดย cottonbro จาก Pexelsภาพที่ 4 โดย coyot จาก PixabayBy Nurseonomyอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !