9 ทริคทำความสะอาดครัว และห้องน้ำ โดยไม่ใช้สารเคมีแรงเกินไป มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ครัวและห้องน้ำคือพื้นที่ที่เราใช้ทุกวัน ทั้งทำอาหาร ล้างจาน อาบน้ำ และทำความสะอาดร่างกาย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะเต็มไปด้วยคราบน้ำ คราบมัน เศษอาหาร และความชื้นที่เป็นแหล่งเพาะของจุลินทรีย์โดยไม่รู้ตัว หากเราปล่อยให้จุดเหล่านี้สะสมเป็นเวลานาน บ้านจะเริ่มมีกลิ่นอับ มองดูไม่สะอาด และต้องใช้แรงขัดหรือน้ำยาที่มีสารเคมีรุนแรงมาจัดการในภายหลัง ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง และสูดดมกลิ่นสารเคมีแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขอนามัยของเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยงในบ้านด้วย แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า เราสามารถป้องกันปัญหาการใช้สารเคมีแบบแรงๆ ได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมี ด้วยการปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นนิสัยค่ะ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นต้องอ่านต่อให้จบและนำไปปรับใช้ค่ะ เพราะวิธีการที่ผู้เขียนจะได้บอกต่อจากนี้จะช่วยให้เราทำความสะอาดง่ายขึ้น คราบไม่สะสม และบ้านก็สะอาดสดชื่นทุกวันได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายในระยะยาวค่ะ และต่อไปนี้คือ 9 ทริคสำหรับทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะในครัวและห้องน้ำ แบบไม่ง้อสารเคมีแบบออกฤทธิ์แรงนะคะ 1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รู้ไหมคะว่า การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น เริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการอ่านฉลากและทำความเข้าใจส่วนประกอบอย่างรอบคอบค่ะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ดีและควรเลือกใช้ ต้องมีการฉลากระบุว่าสามารถย่อยสลายได้ง่าย ปราศจากสารเคมีที่อาจเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมสังเคราะห์แรงๆ หรือสีสังเคราะห์ที่ไม่จำเป็น เพราะสารเหล่านี้มักก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังและเป็นมลพิษเมื่อลงสู่แหล่งน้ำ การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ก็สำคัญเช่นกันค่ะ เพราะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ต้องกำจัดในภายหลังได้ และอีกวิธีที่ช่วยให้เราเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยขึ้น คือ การสนับสนุนแบรนด์ที่มีมาตรฐานรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการการันตีว่าผ่านเกณฑ์การผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ ซึ่งการเลือกสูตรเข้มข้นที่ใช้ปริมาณน้อยต่อครั้ง ก็เป็นอีกเทคนิคที่ช่วยลดการปล่อยน้ำเสียและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวค่ะ หากเป็นไปได้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศเพื่อลดการขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์สูง เมื่อเราปรับพฤติกรรมการเลือกซื้อในชีวิตประจำวันได้แบบนี้ ผลลัพธ์ไม่เพียงแค่ทำให้บ้านสะอาดปลอดภัยขึ้น แต่ยังเป็นการร่วมดูแลโลกใบนี้ให้ยั่งยืนได้ค่ะ 2. เปิดหน้าต่างและระบายอากาศ การเปิดหน้าต่างและระบายอากาศเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่ได้ผลชัดเจน ในการรักษาสุขอนามัยของครัวและห้องน้ำค่ะ เพราะทุกครั้งที่ทำอาหารหรืออาบน้ำ จะเกิดความชื้นและกลิ่นสะสมในอากาศ หากไม่ระบายออกจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราและกลิ่นอับที่แก้ยาก การเปิดหน้าต่างช่วยให้อากาศหมุนเวียน ลมธรรมชาติพัดพาความชื้นและไอละอองออกไป ทำให้ผนังและพื้นแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดกลิ่นควัน กลิ่นอาหาร และกลิ่นสารเคมีจากการทำความสะอาด ทำให้บ้านรู้สึกโปร่งสบาย ซึ่งการระบายอากาศที่ดีช่วยลดความจำเป็นในการใช้สเปรย์ดับกลิ่นหรือน้ำยาทำความสะอาดชนิดแรงๆ เพราะห้องที่แห้งและถ่ายเทอากาศสม่ำเสมอ จะไม่สะสมกลิ่นและจุลินทรีย์ง่าย ซึ่งเราสามารถเปิดหน้าต่างทุกเช้า 15–30 นาที หรือหลังการใช้งานห้องน้ำ เพื่อให้ความชื้นออกไปอย่างรวดเร็ว ถ้ามีพัดลมดูดอากาศก็ควรเปิดร่วมด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพค่ะ การทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยให้บ้านสะอาด แต่ยังดีต่อสุขอนามัย แต่ยังช่วยลดฝุ่นสะสมภายในบ้านด้วยนะคะ 3. ทำความสะอาดสม่ำเสมอ การทำความสะอาดสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญ ในการลดการใช้สารเคมีแรงๆ ค่ะ เพราะเมื่อคราบไม่สะสม การขัดล้างก็ง่ายขึ้นและไม่ต้องพึ่งน้ำยากัดกร่อน ดังนั้นทุกวันควรเช็ดเคาน์เตอร์ครัวทันทีหลังทำอาหาร ล้างจานให้เรียบร้อย และใช้ผ้าแห้งเช็ดน้ำที่กระเด็นในห้องน้ำ การลงมือทำทีละน้อยทุกวันช่วยให้คราบสามารถทำความสะอาดได้ง่าน ไม่เกิดเชื้อราในร่องยาแนว และไม่มีกลิ่นอับในบ้านค่ะ โดยเราสามารถวางแผนทำความสะอาดเป็นประจำได้ง่ายๆ เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ล้างตู้เย็นทุก 2 สัปดาห์ และล้างท่อระบายน้ำเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันการอุดตันและคราบหนัก การมีตารางชัดเจนทำให้เราใช้เวลาไม่นานในแต่ละครั้งนะคะ และยังช่วยรักษาสุขอนามัยของบ้านได้ต่อเนื่อง เมื่อสภาพแวดล้อมสะอาดอยู่เสมอ จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และสร้างบรรยากาศที่น่าอยู่โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีรุนแรงใดๆ ค่ะ 4. ใช้แปรงขัดและน้ำร้อนช่วย หลายคนยังมองไม่ออกว่า การใช้แปรงขัดร่วมกับน้ำร้อนเป็นวิธีที่ทั้งง่ายและปลอดภัยต่อสุขอนามัย ช่วยลดการใช้สารเคมีแรงๆ ที่มักมีฤทธิ์กัดกร่อนและกลิ่นฉุนจนระคายจมูกได้ เพราะน้ำร้อนมีคุณสมบัติช่วยละลายคราบมัน คราบสบู่ และคราบตะกรันได้ดี จึงเหมาะสำหรับพื้นที่อย่างซิงค์ล้างจาน เตาแก๊ส พื้นห้องน้ำ วิธีการคือให้ต้มน้ำจนร้อน ราดลงบนคราบที่ต้องการทำความสะอาด ทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำร้อนทำให้คราบอ่อนตัว จากนั้นใช้แปรงขัดหรือฟองน้ำช่วยขัดคราบออกค่ะ โดยเราจะสังเกตได้ว่าคราบที่เคยขัดยากกลับหลุดง่ายขึ้น ใช้แรงน้อยลงและไม่ต้องพึ่งน้ำยาที่มีกลิ่นฉุนก็ได้ ซึ่งการทำความสะอาดแบบนี้ยังช่วยถนอมพื้นผิวของกระเบื้อง เพราะไม่ต้องใช้ผงขัดหรือกรดเข้มข้นที่อาจทำให้ผิวด้านและเป็นรอยในระยะยาว นอกจากนี้น้ำร้อนยังทำให้พื้นที่สะอาดและลดความเสี่ยงของการสะสมจุลินทรีย์ในบ้านได้ดี แต่ควรใช้แปรงที่มีด้ามจับยาวหรือสวมถุงมือยาง เพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกมือนะคะ และควรระวังบริเวณที่เป็นพลาสติกหรือวัสดุที่ทนความร้อนไม่ได้ เพื่อไม่ให้เสียรูปทรง วิธีนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมค่ะ ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้เรามั่นใจได้ว่าบ้านสะอาดโดยไม่ต้องสูดดมสารเคมีแรงๆ ได้ง่ายๆ อีกด้วย 5. ใช้แปรงและฟองน้ำแยกประเภท ทุกคนรู้ไหมว่า การใช้แปรงและฟองน้ำแยกประเภทถือเป็นหลักการสำคัญในการป้องกันการปนเปื้อนในบ้านค่ะ โดยเฉพาะในครัวและห้องน้ำที่มีคยามสกปรกต่างชนิดกัน ดังนั้นเราควรจัดชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดให้ชัดเจน เช่น ฟองน้ำสีหนึ่งสำหรับซิงค์ล้างจาน อีกสีหนึ่งสำหรับเคาน์เตอร์ครัว และอีกชุดหนึ่งสำหรับห้องน้ำ เพื่อไม่ให้สิ่งปนเปื้อนจากพื้นที่สกปรกย้ายไปปนกับพื้นที่เตรียมอาหาร การทำให้แต่ละประเภทแยกชัดเจนแบบนี้ ยังช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้แปรงผิดพื้นที่จนพื้นผิวเป็นรอย หรือทำให้คราบลามไปมากกว่าเดิมนะคะ โดยหลังจากใช้งานควรล้างอุปกรณ์ให้สะอาดและผึ่งให้แห้งในที่อากาศถ่ายเท เพื่อลดการสะสมของเชื้อราและกลิ่นอับ หากเป็นฟองน้ำล้างจานควรตากแดด เพื่อลดการสะสมของจุลินทรีย์ ส่วนแปรงที่ใช้ในห้องน้ำควรเก็บในภาชนะที่น้ำไม่ขังและทำความสะอาดด้ามจับเป็นระยะ เมื่ออุปกรณ์เริ่มมีกลิ่นหรือเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่ทันที วิธีนี้จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ ได้ค่ะ เพราะเราควบคุมการแพร่กระจายจุลินทรีย์ได้ตั้งแต่ต้นทาง 6. ใช้ผ้าแห้งซับก่อนถู การใช้ผ้าแห้งซับก่อนถูเป็นเทคนิคที่ช่วยลดการใช้สารเคมีแรงๆ อีกแนวทางหนึ่งค่ะ เพราะป้องกันไม่ให้คราบน้ำ คราบสบู่ หรือคราบมันสะสมจนขัดยาก ซึ่งขั้นตอนง่ายๆ เพียงใช้ผ้าแห้งหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ ซับน้ำบนพื้นหรือเคาน์เตอร์ทันทีหลังใช้งาน จึงจะทำให้คราบน้ำไม่เกิดคราบขาว และไม่ทิ้งความชื้นที่เอื้อต่อการเกิดเชื้อรานะคะ และวิธีนี้เหมาะมากสำหรับห้องน้ำที่มักมีน้ำขังหลังอาบน้ำ หรือครัวที่มักมีคราบน้ำมันกระเด็นขณะทำอาหารค่ะ และเมื่อเราซับน้ำออกแล้ว การถูพื้นครั้งต่อไปจะง่ายขึ้น เพราะเพียงใช้น้ำสะอาดเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว โดยไม่ต้องใช้น้ำยาขัดคราบหนักหรือสารฟอกขาวบ่อยๆ อีกทั้งยังช่วยถนอมพื้นผิวให้ดูใหม่อยู่เสมอ ลดความเสี่ยงที่พื้นลื่นและป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน นอกจากนี้การซับน้ำยังช่วยให้ห้องแห้งเร็วขึ้น ทำให้กลิ่นอับลดลงและอากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ เพราะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะอาดโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีรุนแรงค่ะ 7. เช็ดคราบทันทีหลังใช้งาน การเช็ดคราบทันทีหลังใช้งานเป็นนิสัยเล็กๆ ที่ช่วยให้บ้านสะอาดตลอดเวลาและลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีแรงๆ ในอนาคตได้จริงค่ะ ดังนั้นทุกครั้งหลังทำอาหาร ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเคาน์เตอร์ เตาแก๊ส และโต๊ะทานข้าว เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันหรือเศษอาหารแห้งติดพื้นผิว เพราะเมื่อคราบยังใหม่จะทำความสะอาดได้ง่ายกว่ามาก แบบที่ไม่ต้องใช้แรงขัดหรือสารละลายคราบมันที่มีกลิ่นฉุนค่ะ และการทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอยังช่วยป้องกันแมลงได้ด้วย เช่น มดหรือแมลงสาบ เพราะการไม่มีเศษอาหารเหลือก็คือการตัดหนทางที่จะดึงดูดแมลงพาหะค่ะ ซึ่งการเช็ดหลังใช้งานในห้องน้ำ เช่น หลังล้างหน้า ล้างมือ หรืออาบน้ำ ก็ช่วยลดคราบน้ำ คราบสบู่ และเชื้อราที่ร่องยาแนวได้ ทำให้ห้องน้ำดูสะอาดตลอดเวลา และเราจะไม่ต้องเสียเวลาและสารเคมีจำนวนมากมาขัดคราบหนักในภายหลังนะคะ 8. วางตาข่ายหรือตะแกรงดักเศษอาหาร การวางตะกร้าดักเศษอาหารในอ่างล้างจาน ถือเป็นวิธีป้องกันปัญหาท่ออุดตันตั้งแต่ต้นทางที่ง่ายและประหยัดที่สุดค่ะ เพราะตาข่ายหรือตะกร้าดักขยะจะช่วยดักเศษอาหาร เศษผัก เปลือกไข่ หรือแม้กระทั่งไขมันที่มักติดมากับน้ำล้างจาน จึงป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้ไหลลงท่อจนสะสมกลายเป็นคราบเหนียว การมีตาข่ายทำให้เราง่ายขึ้น เพราะเพียงแค่ยกออกแล้วเทเศษอาหารไปทิ้งหรือใส่ถังปุ๋ยหมักได้ทันที ก็ลดความเสี่ยงที่ท่อจะตันและต้องใช้สารเคมีกัดท่อที่แรงและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมแล้วค่ะ ตลอดจนการใช้ตาข่ายดักเศษอาหาร ยังช่วยให้ครัวสะอาดและลดกลิ่นเหม็นที่เกิดจากเศษอาหารหมักหมมในท่อได้ การดูแลก็ไม่ยุ่งยาก เพียงล้างตะแกรงดักขยะทุกครั้งหลังล้างจานเพื่อให้ไม่มีกลิ่นติดค้าง และเปลี่ยนใหม่เมื่อสภาพเริ่มขาดหรือกรองได้ไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันแมลงและหนูที่ชอบขึ้นมาตามท่อได้ดีอีกด้วย การลงทุนเล็กน้อยกับอุปกรณ์พื้นฐานนี้ คือแนวทางที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเรียกช่างมาซ่อมท่ออุดตันได้ และทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงกับสารเคมีกัดท่อที่มีกลิ่นแรงและอาจกัดกร่อนท่อในระยะยาวค่ะ 9. จัดโซนบ้านให้ทำความสะอาดง่าย การจัดโซนบ้านเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันคราบได้ และลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีแรงๆ ตั้งแต่ต้นทางค่ะ ให้ลองแยกพื้นที่ให้ชัดเจน เช่น โซนทำอาหาร โซนล้างจาน และโซนพักผ่อน เพื่อไม่ให้คราบสกปรกกระจายไปทั่วบ้าน การวางชั้นวางของและตู้เก็บของให้เข้าที่ จะช่วยให้หยิบใช้สะดวก ไม่วางของเกะกะที่ทำให้ทำความสะอาดยาก นอกจากนี้การปูพรมดักน้ำหน้าห้องน้ำหรือวางพรมซับมันใต้เตา ก็ช่วยป้องกันไม่ให้คราบแพร่ไปยังพื้นส่วนอื่นๆ ได้นะคะ จึงทำให้การเช็ดทำความสะอาดใช้เพียงผ้าหมาดๆ ก็พอ ที่ไม่ต้องใช้สารเคมีเข้มข้นมาขัดคราบหนักค่ะ ซึ่งการจัดบ้านอย่างเป็นระบบยังช่วยให้ทุกคนในบ้านรู้หน้าที่ และช่วยกันรักษาความสะอาดได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ เช่น มีตะกร้าสำหรับเก็บผ้าเช็ดมือที่ใช้แล้ว มีที่แขวนอุปกรณ์ทำความสะอาดที่หยิบใช้สะดวก และมีถังขยะที่แยกเศษอาหารออกจากขยะทั่วไป สิ่งเหล่านี้ทำให้บ้านดูเป็นระเบียบและลดการหมักหมมของสิ่งสกปรก และลองนึกภาพตามค่ะว่า เมื่อทุกอย่างถูกจัดวางในที่ที่เหมาะสม การทำความสะอาดจะใช้เวลาและแรงน้อยลง และช่วยลดความจำเป็นต้องพึ่งน้ำยาทำความสะอาดรุนแรง เพราะคราบไม่สะสมจนแก้ยากนะคะ และนั่นคือแนวทางที่เป็นไปได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ทำให้เราลดการใช้สารเคมีนะคะ จะเห็นได้ว่าเราสามารถทำให้ครัวและห้องน้ำสะอาดได้ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแรงๆ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆในชีวิตประจำวันให้สม่ำเสมอ เช่น เช็ดคราบทันทีหลังใช้งาน ใช้ผ้าแห้งซับน้ำก่อนถู และกำหนดตารางทำความสะอาดประจำวัน ประจำสัปดาห์ และประจำเดือนเพื่อลดการสะสมของคราบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราไม่ต้องขัดแรงหรือใช้น้ำยาที่มีกลิ่นฉุน นอกจากนี้การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ผงซักฟอกสูตรอ่อน น้ำยาล้างจานย่อยสลายได้ และหลีกเลี่ยงสารเคมีแรงๆ จะช่วยป้องกันการระคายเคืองผิวและลดผลกระทบต่อแหล่งน้ำนะคะ โดยเรายังสามารถใช้ตัวช่วยจากธรรมชาติอย่างน้ำร้อน เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู หรือน้ำหมักผลไม้เพื่อละลายคราบและฆ่าเชื้อโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง เพราะวิธีเหล่านี้ช่วยประหยัดเงินและลดการใช้สารเคมี ที่อาจทำให้ผิวลอกหรือทำลายพื้นผิวของสุขภัณฑ์ได้ ส่วนการแยกฟองน้ำและแปรงขัดตามพื้นที่ก็ช่วยป้องกันการปนเปื้อนข้ามจุด ทำให้ไม่ต้องพึ่งสเปรย์ที่มีฤทธิ์แรงๆ บ่อยๆ อีกทั้งการวางตาข่ายดักเศษอาหารและเก็บเศษออกก่อนล้าง ยังช่วยป้องกันปัญหาท่ออุดตันที่มักต้องใช้สารกัดท่อแก้ไข ที่สุดท้ายแล้วเราสามารถออกแบบบ้านของเรา ให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น ด้วยการจัดโซนพื้นที่ให้ชัดเจน วางของให้เป็นระเบียบ และเปิดหน้าต่างระบายอากาศสม่ำเสมอเพื่อให้ความชื้นไม่สะสมจนกลายเป็นเชื้อรา โดยวิธีการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ครัวและห้องน้ำสะอาดและน่าใช้งาน แต่ยังช่วยดูแลสุขอนามัยของคนในบ้าน ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว และเป็นการใช้ชีวิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงค่ะ สำหรับที่นี่ผู้เขียนไม่ค่อยได้ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบรุนแรงค่ะ ใช้เพียงน้ำยาล้างจานกับผงซักฟอกเท่านั้น ถ้าไม่มีสูตรที่ต้องการ ก็จะใช้สูตรทั่วไปแต่ใช้ในปริมาณน้อยที่สุด ต่อให้ต้องล้างห้องน้ำก็ตามค่ะ ผู้เขียนก็ยังใช้แค่ผงซักฟอกเพียงเล็กน้อยละลายน้ำเท่านั้น ซึ่งในขณะที่เขียนบทความนี้เผยแพร่ ที่นี่ไม่มีน้ำยาทำความสะอาดแบบออกฤทธิ์แรงค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เขียนใช้การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเข้ามาช่วยอีก แยกอุปกรณ์ในการทำความสะอาด และอื่นๆ ปรับไปตามสถานการณ์ค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำไปปรับใช้นะคะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ทำความสะอาดห้องน้ำ #ทำความสะอาดห้องครัว #ลดการใช้สารเคมี #สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม #Longevity เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย Freepik จาก FREEPIK และภาพที่ 4 AI Generated โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 สาเหตุของถังแชทบำบัดน้ำเสีย ที่ทำให้ส้วมเต็มเร็วกว่าปกติ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีลักษณะเป็นแบบไหน ความสำคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อม ภายในบ้าน มีอะไรบ้าน มาดูกันเลย! เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !