ต่อจากบทความ 3 สิ่งที่น้อง ๆจะต้องเจอเมื่อเรียนคุมอง วันนี้แอดจะมาเล่าถึงรายละเอียดในการเรียนคุมองแบบคราวๆ เพื่อให้ผู้ปกครอง และน้อง ๆ นำไปพิจารณาในการตัดสินใจเรียนที่คุมองกันนะคะ ในความคิดของแอด เด็กนักเรียน จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ1.) กลุ่มที่ต้องใช้สิ่งแวดล้อมในการกระตุ้นให้เกิดตั้งใจเรียน น้อง ๆกลุ่มนี้จะต้องได้นั่งเรียนในห้องเรียน บรรยากาศเหมือนกำลังเรียนถึงจะมีกำลังใจในการเรียน (แอดรู้น้าหลายๆคนเป็น5555)2.) กลุ่มคนที่มีความสามารถบังคับตนเองให้สามารถเรียน และพัฒนาศักยภาพในการเรียนด้วยตัวเองได้ แอดจึงคิดว่าน้อง ๆ กลุ่มแรกควรเรียนนะคะ เพราะว่าบรรยากาศในการเรียนที่คุมองจะช่วยกระตุ้นให้น้อง ๆ เกิดความกระตือรือร้นฝนการเรียนมากขึ้น แต่กลุ่มที่ 2 แอดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนหรอกค่ะ น้อง ๆจะได้มีเวลาพักผ่อน และมีเวลาทำกิจกรรมอื่นเพิ่มมากขึ้นนั้นเองค่ะ (ส่วนแอดอยู่ทีมแรกเลยจ้า5555) ด้านรายละเอียดการเรียนที่คุมอง แอดจะขออธิบายเป็นส่วน ๆไปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 ส่วนดังนี้ ส่วนที่ 1 วัดความสามารถ อย่างที่เคยบอกไปค่ะทุกคนที่เข้าเรียนที่คุมองจะต้องมีการวัดความสามารถ ทักษะต่าง ๆ ที่เรามีเสียก่อน เพราะฉะนั้นน้อง ๆที่เข้าไปครั้งแรกต้อง “ สอบ ” เพื่อให้รู้ระดับความรู้และทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ของตนเอง มันจึงเป็นเหตุผลให้หลายคน เรียนไม่ตรงตามชั้นเรียนของตนเอง บางคนเรียนสูงกว่าชั้นเรียน บางคนเรียนต่ำกว่าชั้นเรียน (สำหรับกลุ่มที่เรียนต่ำกว่าต้องขยันและใจสู้ค่ะ เพื่อไล่ให้ทันชั้นเรียนตัวเอง) ส่วนที่ 2 การเรียน การเรียนทางคุมองจะแบ่งการเรียนออกเป็น Level ซึ่งจะใช้อักษรภาษาอังกฤษแทนแต่ละ Level บอกตามตรงนะคะแอดก็ไม่แน่ใจว่าทางคุมองเริ่ม Level ตั้งแต่ตรงไหน แต่ตัวแอดเริ่มที่ Level A ค่ะ (เทียบในชั้นเรียนในโรงเรียน คือ ประถมชั้นปีที่ 1 T^T) Level สูงสุดของคุมองคือ Level O (ระดับมหาลัยเลยล่ะค่ะ) ใครถึงLevel สุดท้ายก็จะได้รับโล่สำเร็จการศึกษาจากคุมองค่ะ (กว่าจะถึงบอกเลยก็เหนื่อยเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ) ในแต่ละ Level นั้นจะมีแบบฝึกหัดประมาณ 100 เล่ม หรือมากกว่า แอดก็จำไม่ได้ คือ จำได้ว่าสามารถเอาชีทคุมองไปชั่งกิโลขายได้เลยล่ะ แบบฝึกหัดที่ทำเยอะมาก แบบฝึกหัด 1 เล่มจะมีทั้งหมด 10 แผ่น การจัดแบบฝึกหัดนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของน้อง ๆเลยคะ อยากจบเร็ว เราก็เร่งทำแบบฝึกหัดให้ได้เยอะกว่าคนอื่น ก็รับการบ้าน 10 แผ่น แบบฝึกหัดในห้อง 10 แผ่น (มันเป็นแบบหน้าหลังนะ ก็เท่ากับ 20 แผ่นเลยล่ะค่ะ ) ทำกันจนมือช้าไปเลยย แต่ถ้าน้อง ๆไม่ไหว เหนื่อยแล้วก็ลดงานในห้อง ลดการบ้านได้ค่ะ เอาทีละ 5 แผ่นก็ได้ การทำแบบฝึกหัดหรืองานในห้องนั้นจำเป็นที่สุด ก็คือการจับเวลาทำแบบฝึกหัดค่ะ เราจะได้รู้พัฒนาการของเราค่ะ คุมองจะให้เราทำแบบฝึกหัดซ้ำ ๆ เราก็จะรู้ว่าจากเดิมเราใช้เวลา 30 นาทีต่อ 10 แผ่น ผิด 30 ข้อ ผ่านไปอีก 1 เดือน เราทำเวลาได้ 20 นาที ต่อ 10 แผ่น ผิดแค่ 5 ข้อ เห็นไหมคะเราจะได้ทราบพัฒนาการที่เกิดขึ้นกับเราอย่างชัดเจน การบ้านจะได้ไปครั้งละกี่เล่ม อันนี้แอดจะบอกว่าขึ้นอยู่กับวันที่เราเรียนค่ะ คุมองจะให้เราเลือกวันที่เราสะดวกมาเรียนในห้อง ซึ่งเป็นวัน ธรรมดา 2 หรือ 3 วัน วันเสาร์ อีก 1 วันค่ะ ของแอดเรียน วัน อังคาร พฤหัส เสาร์ แอดก็จะได้การบ้าน ในวันเสาร์ทั้งหมด 2 เล่ม แล้วนำการบ้านมาส่งในวันอังคาร พอวันอังคารแอดก็จะได้การบ้านมาอีก 1 เล่ม เพื่อนำมาส่งในวัน พฤหัส ค่ะ ก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆวนไปทุกอาทิตย์ ค่ะ ส่วนที่ 3 สอบเลื่อนชั้นเรียน เมื่อน้อง ๆทำแบบฝึกหัดจนครบตามที่คุมองกำหนดเรียบร้อยแล้วด่านต่อไปคือ การสอบเลื่อนชั้นค่ะ บอกเลยว่าสำคัญนะคะเพราะถ้าสอบไม่ผ่านน้อง ๆจะต้องทำแบบฝึกหัดในส่วนที่ไม่ผ่านเพิ่มค่ะ จะต้องกลับมาทำแบบฝึกหัดซ้ำ ๆอีกครั้ง เมื่อทำครบตามที่คุณครูกำหนด น้อง ๆก็จะได้สอบอีกครั้งค่ะ ถ้าไม่ผ่านอีกก็ต้องไปทำแบบฝึกหัดซ้ำอีกจนกว่าจะสอบเลื่อนชั้นผ่าน (10 รอบก็ 10 รอบเด้อเอาจนกว่าจะผ่านจริง ๆ) Level ที่สอบง่ายก็จะเป็นของชั้นประถม คือ Level A-F เพราะมีเนื้อหาค่อยข้างง่าย ( บอกเลยว่าแอดผ่านมาหมดแล้ว55555 ของเด็กประถมเป็นเศร้า ) ตั้งแต่ Level G-O บอกเลยค่าว่าหินมากหินสุดๆ แอดอยากจะบอกว่าแอดเรียนของคณิตศาสตร์ไม่จบ Level O นะคะ (แต่แอดเรียนของภาษาอังกฤษจบนะ555) ที่เรียนไม่จบก็ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างค่ะ เช่น เป็นช่วงที่แอดเรียนมัธยมปลายงานเยอะและเนื้อหาการเรียนยากอยู่แล้วเลยไปต่อไม่ไหว อีกอย่างนะคะแอดเหนื่อยและขี้เกียจมากกกก เป็นต้น สำหรับน้อง ๆคนไหนใจสู้ก็เอาให้สุดไปเลยจร้า แอดเป็นกำลังใจช่วยน้า ส่วนที่ 4 จบการศึกษา เมื่อเราเรียนจบLevel สุดท้ายแล้วทางคุมองจะมีการมอบโล่จบการศึกษาให้กับน้อง ๆเพื่อเป็นของที่ระลึกสำหรับการเรียนค่ะ แอดเห็นน้อง ๆหลายคนอายุแค่ 10 ปี เรียนจบ Level O ได้ คือน้องสุดยอดมาก บอกเลยว่ามันไม่ง่ายนะคะ แต่ทุกอย่างถ้าลองลงมือทำมันก็ไม่ยากเกินความสามารถของเราค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างคะหลังจากที่ได้อ่านรายละเอียดการเรียนแล้ว แอดคิดว่าหลายคนก็อาจไม่อยากเรียน อีกหลาย ๆคนอาจจะเกิดความรู้สึกอยากเรียนเพราะต้องการความท้าทายในชีวิต สำหรับแอดนะคะมองว่าการที่เราเรียนพิเศษนอกเวลาเรียนนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะจะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แต่อีกใจนึงถ้าหากเราตั้งใจเรียนในห้องให้ดีและมั่นทบทวนความรู้ในการเรียน สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราเก่งขึ้นได้ โดยที่เราสามารถมีเวลาเล่นเกมส์ ดูหนัง ตามใจเราได้ค่ะ สุดท้ายนี้ความเก่งที่เกิดจากตัวเราจะทำให้เราภูมิใจกับสิ่งที่ได้ และเคารพผู้อื่นมากยิ่งขึ้นค่ะ เก่งแล้วต้องเข้าใจด้านอารมณ์ด้วยนะคะทุกคน ^^ขอบคุณประการณ์ดีๆจากคุมองค่ะ^^ ขอบคุณรูปสวยๆจาก และรูปสุดท้ายคือโล่จากคุมองของแอด ที่แอดถ่ายเองค่ะhttps://pixabay.com/th/photos/ห้องสมุด-หนังสือ-การศึกษา-วรรณกรรม-869061/https://pixabay.com/th/photos/การบ้าน-โรงเรียน-ปัญหา-หมายเลข-2521144/https://pixabay.com/th/photos/บันได-ค่อยๆ-ฟุต-ขา-ประสบความสำเร็จ-4574579/https://pixabay.com/th/photos/วรรณกรรม-หนังสือ-ภูมิปัญญา-ห้องสมุด-3324023/https://pixabay.com/th/photos/คณะกรรมการ-ชอล์ก-ธุรกิจ-งาน-3695073/