วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์ (The Tao of Warren Buffett) เป็นการนำเสนอปรัชญาการลงทุนและส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของ Warren Buffett โดยลูกสะใภ้ของ Warren คือ Mary Buffett และ David Clark เนื้อหาการลงทุนที่ปรากฎราวกับวิถีของเต๋าเลยก็ว่าได้ และนี่คือความเหมือนของวิถีเต๋ากับวิถีแห่งบัฟเฟตต์ แปลโดย เอกสิทธิ์ หัสสรังสี เนื้อหาภายในเล่มถือว่าอ่านง่าย เข้าใจง่าย แต่ถ้าหากมีความเข้าใจในเรื่องของการทำธุรกิจบ้าง ก็จะถือว่าอ่านแล้วรู้สึกอินมากขึ้นครับ ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.อย่ากลัวที่จะเรียกราคาสูงๆ เมื่อต้องการจะขาย และอย่าอายที่จะเสนอราคาต่ำๆ เมื่อต้องการจะซื้อ วอเร็นเข้าใจว่าผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกไม่ดีถ้าพวกเขาจะเรียกราคาสูงๆ เมื่อต้องการจะขาย หรือเสนอราคาต่ําๆ เมื่อต้องการจะซื้อ ไม่มีใครอยากจะถูก มองว่าเป็นคนละโมบหรือเป็นคนตระหนี่ แต่ในโลกของธุรกิจจำนวนเงินที่คุณได้จากการขายหรือจำนวนเงินที่คุณจะต้องจ่ายออกไปเพื่อซื้อของจะเป็นตัว วัดว่าคุณจะกําไรหรือขาดทุน และจะมั่งคั่งแค่ไหน ในท้ายที่สุดเมื่อการเจรจา เริ่มขึ้นคุณสามารถที่จะลดราคาขายหรือเพิ่มราคาเสนอซื้อของคุณได้ แต่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะทำสิ่งที่ตรงกันข้าม 2.คุณควรจะมองว่าหุ้นนั้นคือส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของธุรกิจ บางครั้งเมื่อนักลงทุนซื้อหุ้น พวกเขามักจะลืมไปว่าพวกเขากําลังซื้อ ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของธุรกิจ วอเร็นชอบที่จะมองว่าการเป็นเจ้าของหุ้นนั้น คือการเป็นเจ้าของส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของธุรกิจ ถ้ามองหุ้นแบบนี้แล้วเขาจะ สามารถตัดสินใจได้ว่าเขากําลังจะจ่ายเงินมากเกินไปหรือไม่สำหรับธุรกิจที่ เขากําลังสนใจจะซื้อ เขาจะคูณราคาของหุ้นเข้ากับจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีของบริษัท เพื่อหามูลค่าตลาดของบริษัทนั้นแล้วก็ถามตัวเองว่าราคานี้เหมาะสมหรือไม่สำหรับการซื้อหุ้นทั้งบริษัท ถ้าราคานั้นแพงเกินกว่าที่จะซื้อทั้งบริษัท นั่นก็หมายความว่าราคานั้นแพงเกินกว่าที่จะซื้อหุ้นแม้แต่เพียงหุ้นเดียว ด้วยแนว ความคิดแบบนี้จะช่วยคุณให้หลุดพ้นออกจากวังวนของการเก็งกําไรอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมักจะมาพร้อมกับตลาดกระทิง และก็ไม่บ่อยนักที่วอลสตรีทจะทำตัวน่ารักและเสนอขายหุ้นที่ดีๆ ในราคาที่สมควรจะซื้อหุ้นทั้งบริษัท 3.ความสำเร็จว่ามันเป็นอย่างไร เขาตอบว่า ความสำเร็จคือ การถูกรักโดยบุคคลที่คุณหวังว่าเขาจะรักคุณ คุณสามารถเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกได้ แต่ถ้าไม่มีความรักจากครอบครัวและเพื่อนๆ คุณก็จะเป็นแค่คนที่น่าสังเวชที่สุดเท่านั้น 4.คุณควรจะลงทุนในธุรกิจที่แม้กระทั่งคนโง่ก็สามารถบริหารได้ เพราะว่าวันหนึ่งมันอาจจะเป็นแบบนั้น ในตลาดหุ้นนั้นเต็มไปด้วยธุรกิจที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและธุรกิจที่มีปัจจัยพื้นฐานแย่ แน่นอนว่าคุณจะต้องลงทุนในธุรกิจที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเพราะว่าหุ้นที่มีพื้นฐานดีนั้นมันยากที่จะมีใครมาทำอันตรายมันได้ ถ้าคุณต้องกังวลเกี่ยวกับการที่คนที่มๆจะเข้ามาบริหารบริษัท ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว การลงทุนของคุณอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้ และบางทีคุณก็ไม่ควรที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้าไม่อย่างนั้นคุณอาจจะกลายเป็นคนที่มซะเอง 5.คุณสามารถที่จะเพิ่มยอดขายได้ ด้วยการลงไปจับตลาดสินค้าด้อยคุณภาพ แต่มันยากมากในการที่จะกลับมาสู่ตลาดสินค้าคุณภาพ สินค้าที่มีแบรนด์จะจับจองพื้นที่ในใจของคุณเสมอ คุณจะคิดถึงแบรนด์ของสินค้าเมื่อคุณต้องการจะใช้สินค้านั้นๆ เพราะว่าสินค้าเหล่านี้สามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้ ผู้ผลิตจึงสามารถที่จะขึ้นราคาให้สูงขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการต่างๆ ของลูกค้าและผู้ผลิตจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนก้าวมาอยู่ในสถานะชั้นยอดแบบนี้ 6.อย่างไรก็ตามถ้าผู้ผลิตต้องการที่จะเพิ่มผลกําไรด้วยการลดคุณภาพของสินค้ามันก็สามารถที่จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากการที่จะต้องเสียพื้นที่ในใจของลูกค้าไป เรามักจะเห็นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เช่น เมื่อเราเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เราชอบเนื่องจากผู้ผลิตต้องการกําไรมากขึ้นและ ลดคุณภาพของมันลง เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมันยากที่ผู้ผลิตจะสามารถกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมได้เพราะว่าประสบการณ์ที่แย่ๆ ซึ่งผู้บริโภคได้รับไปนั้นจะเข้าไปจับจองพื้นที่ในใจของพวกเขาอย่างถาวร 7.การซื้อบริษัทในราคาถูกโดยไม่สนใจในพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์นี้ ใช้ได้เป็นอย่างดีในช่วงทศวรรษที่ 1940 ถึง 1950 แต่มันเริ่มใช้ได้ยากขึ้นเมื่อมี นักลงทุนจำนวนมากหันมาใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบนี้ ซึ่งมันทำให้ยากขึ้นมากในการหาไข่ทองคํา แทนที่วอเร็นจะยังคงใช้กลยุทธ์แบบเดิมๆ เขากลับใช้ปรัชญาการลงทุนในบริษัทชั้นเลิศซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนและขายในราคาที่เหมาะสม จากนั้นเขาจะปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันและให้ผลกําไรของบริษัทเป็นตัวที่ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 8.ถ้าคุณกําลังจะจ้างพนักงาน คุณควรจะมองหาคุณสมบัติ 3 ประการ ประการแรกคือ คุณธรรม ประการที่สองคือ ความเฉลียวฉลาด และประการที่สามคือ พลังอันล้นเหลือ แต่คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือ ประการแรก ซึ่งนั่นก็คือ คุณธรรม เพราะว่าถ้าคนที่คุณจ้างนั้นไม่มีคุณธรรม คุณสมบัติที่เหลืออีก 2 ประการนั้นจะย้อนจะกลับมาเล่นงานคุณ 9.เมื่อคุณจะจ้างใครสักคนมาบริหารธุรกิจของคุณนั่นหมายความว่า คุณกําลังมอบความไว้วางใจเขาหรือเธอให้เป็นผู้ดูแลกระปุกออมสินของคุณ ถ้าคนเหล่านี้ฉลาดและทำงานหนักพวกเขาก็จะทำเงินให้คุณจำนวนมาก แต่ ถ้าพวกเขาไม่ซื่อสัตย์แล้วล่ะก็พวกเขาจะหาหนทางอันแยบยลต่างๆ นานา ที่จะทำเงินของคุณให้กลายเป็นเงินของพวกเขา 10.เพื่อนของผมคนหนึ่งใช้เวลา 20 ปี ในการหาผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ แต่โชคไม่ดีเมื่อเขาพบเธอคนนั้น เธอก็กําลังค้นหาชายที่สมบูรณ์แบบเช่นกัน สิ่งที่เพื่อนของวอเร็นไม่เข้าใจในความเป็นจริงของโลกนี้ก็คือ การขาย ลของที่คุณมีให้กับคนอื่นนั้นแตกต่างจากการซื้อของที่คนอื่นมี เขาขายสินค้าให้ กับเธอแต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องขายสินค้าให้กับเขา ในชีวิตความเป็นจริงและในโลกของธุรกิจคุณจะต้องทำตัวให้เป็นที่ต้องการของคนอื่นและทำให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณมีสินค้าอะไรที่จะขาย วอเร็นนําเสนอตัวเขาในฐานะนักลงทุน นอกจากนั้น แล้วเขายังทำให้เจ้าของธุรกิจต่างๆ ที่เบิร์กไชร์สนใจจะซื้อเชื่อมั่นในตัวเขา ใคร ก็ตามที่ใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างธุรกิจของเขาขึ้นมาคงไม่อยากขาย “ลูกของเขา” ให้กับใครก็ได้ วอเร็นให้ความเชื่อมั่นกับเจ้าของกิจการว่าพวกเขาจะได้เข้ามาอยู่กับบ้านที่ดีและอบอุ่น ในชีวิตประจำวันของเรา เราจําเป็นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้านายและลูกค้าของเรา ความสัมพันธ์ทางธุรกิจนั้นก็เหมือนกับความสัมพันธ์ส่วนบุคคลนั่นคือ ความสัมพันธ์ที่ดีนั้นจะต้องเริ่มต้นจากการ ให้ความใส่ใจกับบุคคลอื่น หาว่าเขาต้องการอะไร เพราะว่าในที่สุดแล้วเราจะ ต้องขายอะไรบางอย่างให้กับเขา 11.การกระจายความเสี่ยงคือการป้องกันคุณจากความไม่รู้ มันจะไม่เข้าท่าเลยสำหรับคนที่รู้ว่ากําลังทำอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำ ก็สมควรอย่างยิ่งที่คุณจะกระจายความเสี่ยงด้วยความหวังที่ว่าไข่ทุกใบในตะกร้าจะไม่แตก ถ้าที่ปรึกษาการลงทุนของ คุณแนะนําให้กระจายความเสี่ยงเขากําลังบอกความจริงกับคุณว่า เขากําลังทำอะไรและเขาต้องการที่จะป้องกันคุณจากความไม่รู้นั้น 12.เงินนั้นจะทำให้คุณเป็นสิ่งที่คุณเป็นอยู่แล้วมากขึ้น ถ้าคุณเป็นคนใจดีและมีเมตตาก่อนที่คุณจะรวย คุณจะยิ่งใจดีและมีเมตตามากขึ้นอีกหลังจาก ที่คุณรวยแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นคนขี้เหนียวและใจแคบก่อนที่คุณจะรวย คุณก็ยัง จะขี้เหนียวและใจแคบเหมือนเดิมหลังจากที่คุณเป็นเศรษฐีแล้ว คนดีจะเป็นคนดีไม่ว่าพวกเขาจะรวยหรือจน สิ่งที่สำคัญคือพวกเขาเป็นคนดี ณ ท้ายที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะรวยหรือจน หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมคำพูด วาทกรรมเด็ดของ Warren Buffett แล้วนำมาขยายความได้ดี บางบริบทอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เรามองเป็นกรณีศึกษาเอาไว้ก็ได้ หนังสือเล่มบาง ไม่หนาเลย ถือเป็นเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่อยากศึกษาสิ่งที่บัฟเฟตต์คิดและนำเสนอสู่สาธารณชน เครดิตภาพ ภาพปก ภาพที่ 1 / 2 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ THE LITTLE BOOK OF MARKET WIZARDS รีวิวหนังสือ How Buffett Does It ตามรอยวอเร็น บัฟเฟตต์ รีวิวหนังสือ DARKSIDE ตลาดหุ้นไทย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !