11 สัญญาณเตือนมีส้วมเต็ม ก่อนสูบส้วมให้ทันเวลา ลดปัญหาในบ้าน อ่านต่อกันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายบ้านมักไม่รู้ตัวเลยว่าส้วมกำลังใกล้เต็ม เพราะในสายตาคนทั่วไปอาจเห็นว่า ก็ยังสามารถใช้งานดูเหมือนปกติ น้ำก็ยังระบายลง กลิ่นก็ยังไม่แรงจนผิดสังเกต ทำให้คิดว่ายังไม่ถึงเวลาต้องสูบ ทั้งที่จริงๆ แล้วส้วมมีสัญญาณเล็กๆ ที่เตือนเราอยู่ตลอด แต่เรามักจะละเลยเพราะคุ้นชินกับการใช้งาน และกลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติ อีกสาเหตุที่ทำให้ดูไม่ออกนั้น ก็เพราะปัญหาส้วมเต็มไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน แต่ค่อยๆ สะสมทีละนิด จนถึงวันที่อาการชัดเจนก็มักจะสายไปเสียแล้ว และทำให้บ้านต้องเผชิญปัญหากลิ่น น้ำล้น หรือแมลงมากวนใจในคราวเดียวกัน ดังนั้นการฝึกสังเกตสัญญาณเตือนรอบตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญนะคะ เพราะจะช่วยให้เรารู้ทันก่อนปัญหาจะบานปลาย เพราะการสังเกตไม่เพียงแต่ทำให้เราเตรียมการสูบส้วมได้ทันเวลา แต่ยังช่วยลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นหากปล่อยจนระบบเสียหายค่ะ ซึ่งการใส่ใจสังเกตดูสิ่งต่างๆ รอบตัว ล้วนเป็นตัวช่วยบอกสถานะของส้วมได้ดีกว่าการรอให้เต็มจนใช้งานไม่ได้ และการสังเกตเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ง่าย ประหยัด และทำให้บ้านน่าอยู่ ปลอดกลิ่น และห่างไกลความเจ็บป่วยที่มากับสิ่งปฏิกูลได้ค่ะ ซึ่งแนวทางในการสังเกตก็มีดังต่อไปนี้นะคะ 1. น้ำในโถระบายช้ากว่าปกติ หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่าน้ำในโถส้วมที่กดลงไปนั้น ควรหายไปเร็วขนาดไหน ซึ่งการสังเกตในเรื่องนี้คือสิ่งสำคัญที่บอกได้ว่า ส้วมของเราใกล้เต็มหรือระบบเริ่มมีปัญหาได้ค่ะ ที่ปกติน้ำควรจะหมุนลงอย่างรวดเร็ว ถ้าอยู่ๆ กลับกลายเป็นค่อยๆ ลดระดับ หรือวนอยู่ในโถนานกว่าที่เคย นั่นหมายความว่าทางเดินของน้ำอาจถูกขวางด้วยตะกอน ของเสีย หรือแม้แต่แรงดันจากถังที่เริ่มเต็มจนรับไม่ไหว โดยความผิดปกติแบบนี้หากมองข้ามไป จะทำให้วันหนึ่งส้วมระบายไม่ลงเลย หรือน้ำล้นออกมาให้ปวดหัวกันทั้งบ้านได้ค่ะ ซึ่งการสังเกตน้ำระบายช้า ถ้าเรารู้เร็วและรีบแก้ไข ปัญหาก็จะไม่บานปลายนะคะ แต่ถ้าปล่อยผ่านไปเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเจอสัญญาณแบบนี้ ควรหาสาเหตุให้แน่ชัด เช่น ตรวจดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมอุดตันท่อหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็น่าจะเป็นเพราะถังเกรอะใกล้เต็ม และถึงเวลาเรียกรถมาสูบส้วมแทนที่จะรอให้น้ำล้นออกมาค่ะ การใส่ใจสัญญาณเล็กๆ อย่างน้ำระบายช้า ถือเป็นการดูแลบ้านให้น่าอยู่และปลอดภัย ที่ไม่เพียงป้องกันกลิ่นเหม็นรบกวนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมในอนาคตได้ด้วย เพราะการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นย่อมถูกกว่าแน่นอนค่ะ 2. เสียงปุดปุดจากท่อน้ำทิ้ง คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การได้ยินเสียงปุดๆเวลากดชักโครกหรือน้ำไหลลงท่อ ซึ่งหลายครั้งเราอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จริงๆ แล้วนี่คือสัญญาณเตือนว่าระบบส้วมของเราเริ่มมีปัญหาค่ะ เพราะเสียงปุดๆ มักเกิดจากอากาศและแก๊สในท่อพยายามดันตัวขึ้นมา เพราะเส้นทางการไหลของน้ำไม่โล่งเหมือนเดิม โดยสาเหตุอาจมาจากถังเกรอะที่ใกล้เต็ม ท่อที่เริ่มมีตะกอนสะสม หรือแม้แต่สิ่งแปลกปลอมไปอุดตัน ซึ่งเสียงนี้จึงเปรียบเสมือนสัญญาณบอกว่ามีแรงดันสะสมอยู่ในระบบ ถ้าไม่รีบแก้ไข วันหนึ่งอาจเจอน้ำย้อนกลับขึ้นมาในห้องน้ำได้ค่ะ ดังนั้นหากส้วมเริ่มมีเสียงลักษณะนี้ ควรตรวจสอบตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าท่ออุดตันหรือถังเต็มแล้วหรือไม่ เพราะการปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงสร้างความรำคาญนะคะ แต่ยังสามารถนำไปสู่ปัญหาใหญ่ เช่น น้ำล้น กลิ่นเหม็นกระจาย หรือแมลงชุกชุมตามมาได้ค่ะ 3. กลิ่นเหม็นลอยขึ้นมาจากโถสุขภัณฑ์ กลิ่นเหม็นจากโถสุขภัณฑ์เป็นสิ่งที่หลายบ้านเคยเจอ และมักบอกได้ทันทีว่าส้วมกำลังมีปัญหา แม้จะทำความสะอาดห้องน้ำอย่างดี แต่กลิ่นก็ยังคงลอยขึ้นมาไม่หาย นั่นเพราะของเสียในถังเกรอะหรือถังบำบัดสะสมจนเกินขีดรับไหวค่ะ ทำให้แก๊สที่เกิดขึ้นภายในถูกดันออกมาตามท่อและโถส้วม ซึ่งกลิ่นนี้ต่างจากกลิ่นอับทั่วไป เพราะจะมีทั้งกลิ่นแอมโมเนียและกลิ่นเน่าปนจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หากละเลยปัญหาจะไม่หยุดแค่กลิ่นเหม็น แต่ยังดึงดูดแมลงวัน แมลงสาบ และเสี่ยงเป็นแหล่งสะสมสกปรก ดังนั้นการสังเกตกลิ่นที่ผิดปกติจึงเป็นการเตือนล่วงหน้าให้เรารู้ว่า ถึงเวลาต้องตรวจสอบหรือสูบส้วมก่อนที่บ้านจะกลายเป็นแหล่งมลพิษเล็กๆ ที่ทำให้ทั้งคนในบ้านและเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบค่ะ 4. ระดับน้ำในโถเปลี่ยนไปจากเดิม การสังเกตระดับน้ำในโถสุขภัณฑ์ ถือเป็นวิธีง่ายที่สุดที่จะบอกว่า ส้วมใกล้เต็มหรือระบบเริ่มมีปัญหา หากปกติระดับน้ำคงที่ แต่จู่ๆ กลับสูงขึ้นหลังการกดชักโครก หรือกลับต่ำกว่าที่เคยโดยไม่มีเหตุผล นั่นคือสัญญาณเตือนว่าการไหลเวียนในท่อไม่ปกติแล้วค่ะ ที่โดยทั่วไปแล้วการที่น้ำสูงเกิน มักเกิดจากแรงดันดันกลับเพราะถังใกล้เต็ม ในขณะที่ถ้าน้ำต่ำเกินไปบ่งบอกว่า มีการดูดอากาศหรือแรงดันผิดปกติในระบบนะคะซึ่งสัญญาณเหล่านี้ถ้ามองข้ามไปจะนำไปสู่ส้วมตันหรือน้ำล้นในที่สุด ดังนั้นการกวาดตามองโถทุกครั้งหลังใช้งาน ถือเป็นการตรวจสอบง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ได้จริง และยังช่วยให้เรารู้ทันว่าถึงเวลาควรเรียกรถมาสูบส้วมหรือบำรุงรักษาแล้วค่ะ 5. พื้นรอบโถหรือท่อน้ำมีความชื้นผิดปกติ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเจอคราบน้ำหรือความชื้นผิดปกติรอบโถสุขภัณฑ์หรือท่อน้ำ เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม เพราะบ่งบอกว่าส้วมใกล้เต็มหรือระบบเริ่มมีการรั่วซึม เนื่องจากแรงดันของน้ำเสียและแก๊สภายในถังบำบัดที่สูงขึ้น สามารถดันให้น้ำซึมออกมาตามรอยต่อหรือท่อได้นะคะ เมื่อมองเผินๆ เราอาจคิดว่าเป็นน้ำที่หกตอนใช้งาน แต่หากทำความสะอาดแล้วก็ยังมีคราบหรือกลิ่นร่วมด้วย นั่นแปลว่าปัญหาเกิดจากภายในระบบค่ะ ซึ่งการปล่อยให้ความชื้นสะสมจะนำไปสู่การเกิดของเชื้อรา กลิ่นอับ และแม้แต่การทำให้พื้นหรือโครงสร้างห้องน้ำเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้นหากเจอคราบน้ำหรือพื้นชื้นโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ควรตรวจสอบทันทีว่าเกิดจากการรั่วซึมหรือส้วมที่ใกล้เต็ม เพื่อป้องกันความเสียหายที่ตามมาภายหลังนะคะ 6. พื้นดินบริเวณฝังถังเกรอะมีน้ำขัง หลายคนยังไม่รู้ว่า การเห็นน้ำขังหรือดินแฉะบริเวณที่ฝังถังเกรอะ ทั้งที่ไม่ได้มีฝนตกหรือรดน้ำต้นไม้ ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าส้วมอาจใกล้เต็มแล้วนะคะ เพราะเมื่อของเสียสะสมจนถังไม่สามารถรับเพิ่มได้ น้ำเสียจะถูกดันออกตามรอยรั่วหรือซึมขึ้นมาบนผิวดิน โดยน้ำที่ขังมักมีกลิ่นเหม็นและสีคล้ำ ที่จะแตกต่างจากน้ำสะอาดทั่วไป หากละเลยปัญหานี้จะไม่เพียงทำให้พื้นที่รอบบ้านสกปรกเพียงอย่างเดียว แต่ยังเสี่ยงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและแมลงต่างๆ ที่นำความเจ็บป่วยมาสู่คนได้อีกด้วย ที่โดยสรุปแล้วการสังเกตพื้นดินรอบถังเกรอะ เป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านควรทำเป็นประจำนะคะเพราะการแก้ไขตั้งแต่ระยะแรกเริ่มย่อมง่าย และประหยัดกว่าการปล่อยให้ระบบทั้งชุดเสียหายจนต้องซ่อมใหญ่ค่ะ 7. การกดชักโครกต้องใช้แรงกว่าปกติ ถ้าอยู่มาวันหนึ่งหากเราเริ่มรู้สึกว่าการกดชักโครกไม่ราบรื่นเหมือนเคย ต้องออกแรงกดมากขึ้นหรือต้องกดซ้ำหลายครั้งกว่าน้ำจะไหลลงหมด นั่นเป็นสัญญาณว่าส้วมใกล้เต็มหรือท่อเริ่มอุดตันแล้วค่ะ เพราะปกติกลไกการระบายน้ำจะอาศัยแรงดันน้ำ และอากาศในระบบช่วยให้น้ำไหลลงได้เร็ว แต่เมื่อมีของเสียสะสมมากหรือถังเกรอะรับไม่ไหว แรงดันนี้จะลดลงจนทำให้การกดน้ำไม่เต็มประสิทธิภาพนะคะ โดยปัญหานี้แม้จะดูเหมือนเล็กน้อย แต่ถ้าปล่อยไว้จะพัฒนาไปถึงขั้นกดไม่ลงเลย หรือน้ำล้นออกมาในที่สุดค่ะ ดังนั้นการสังเกตว่าต้องกดแรงกว่าปกติ จึงเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้เจ้าของบ้านรีบตรวจสอบและแก้ไข ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ทั้งค่าใช้จ่ายและความไม่สะดวกนะคะ 8. สีของน้ำในโถขุ่นหรือเปลี่ยนไป หากเราสังเกตเห็นว่าน้ำในโถสุขภัณฑ์เริ่มมีสีผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นสีเหลืองคล้ำ ขุ่นขาว หรือออกน้ำตาล ทั้งที่ปกติควรใสเหมือนน้ำประปา นั่นเป็นสัญญาณว่าส้วมกำลังมีปัญหาค่ะ เพราะว่าการเปลี่ยนสีของน้ำมักเกิดจากการที่ตะกอน หรือของเสียในถังเกรอะสะสมจนมากเกินไป และถูกดันกลับขึ้นมาปนกับน้ำที่อยู่ในโถ หรือในบางกรณีเป็นเพราะท่อเริ่มเสื่อม น้ำเสียจึงรั่วซึมหรือย้อนกลับเข้ามา ซึ่งการละเลยปัญหานี้ไม่เพียงทำให้ห้องน้ำดูไม่น่าใช้เท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อสิ่งก่อความเจ็บป่วยในคนที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของคนในบ้านได้ ดังนั้นการตรวจสอบตั้งแต่เห็นสัญญาณน้ำเปลี่ยนสีจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพราะหากจัดการเร็วก็สามารถแก้ได้ง่าย แต่ถ้าปล่อยไว้จนส้วมเต็มจริงๆ จะเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย 9. แมลงวันหรือแมลงสาบเพิ่มจำนวนใกล้ห้องน้ำ รู้ไหมคะว่า การสังเกตว่ามีแมลงวันหรือแมลงสาบชุกชุมใกล้ห้องน้ำมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าส้วมของเราใกล้เต็ม หรือระบบระบายน้ำเริ่มมีปัญหาได้ เพราะเมื่อของเสียสะสมจนเกิดกลิ่นและความชื้น แมลงกลุ่มนี้จะถูกดึงดูดเข้ามาหาแหล่งอาหารและที่วางไข่โดยธรรมชาติ และถึงแม้จะทำความสะอาดห้องน้ำอย่างดี แต่หากยังมีของเสียคั่งค้างอยู่ในถังหรือท่อ กลิ่นและความชื้นก็ยังคงอยู่ จึงทำให้แมลงไม่ลดจำนวนลง ซึ่งปัญหานี้ไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังเสี่ยงเป็นแหล่งแพร่ของสิ่งที่นำมาซึ่งความเจ็บป่วยในคนเข้าสู่บ้านได้ ดังนั้นการเพิ่มจำนวนของแมลงจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่คือการเตือนให้เราตรวจสอบส้วมทันที เพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาสุขอนามัยที่กระทบทุกคนในบ้านค่ะ 10. ใช้งานมานานเกินรอบการสูบตามปกติ การที่ส้วมถูกใช้งานมานานหลายปีโดยไม่เคยสูบเลย ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่มักถูกมองข้ามค่ะ เพราะปกติถังเกรอะจะมีอายุการใช้งานที่กำหนด เช่น 3–5 ปีควรสูบตะกอนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมจนเกินความจุ แต่หลายบ้านอาจคิดว่ายังใช้ได้ก็ไม่เป็นไร จนลืมระยะเวลานี้ไป และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ถังจะเต็มโดยไม่ทันตั้งตัว จึงส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็น น้ำระบายไม่ลง หรือท่ออุดตันแบบฉับพลันค่ะ การละเลยเรื่องรอบการสูบจึงเป็นเหมือนการปล่อยให้ระเบิดเวลาทำงานอยู่ใต้บ้าน โดยไม่รู้ว่าจะปะทุเมื่อไร ดังนั้นแม้จะไม่เห็นสัญญาณผิดปกติชัดเจน แต่ถ้าระยะเวลาการใช้งานนานเกินกว่าที่ควร ก็ถึงเวลาต้องสูบถังเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของทุกคนในบ้านค่ะ 11. ได้กลิ่นเหม็นชัดเจนภายนอกบ้าน เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า กลิ่นเหม็นที่ลอยออกมาถึงภายนอกบ้านถือเป็นสัญญาณแรงว่า ระบบส้วมหรือถังเกรอะกำลังมีปัญหาหนักค่ะ ที่ไม่ใช่แค่รบกวนคนในครอบครัวเท่านั้นนะคะ แต่ยังสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ด้วย โดยสาเหตุหลักมาจากของเสียในถังสะสมจนมากเกินไปค่ะ จึงทำให้แก๊สที่เกิดจากการย่อยสลายดันตัวออกมาตามท่อหรือช่องระบาย และเมื่อกระจายสู่ภายนอกก็จะส่งกลิ่นแรงจนจับได้ทันที หากละเลยไม่เพียงแต่จะเสียบรรยากาศในการอยู่อาศัย แต่ยังเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนจากชุมชน หรือกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงรบกวนได้ ดังนั้นการได้กลิ่นเหม็นนอกบ้านจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ค่ะ แต่คือคำเตือนให้เรารีบตรวจสอบและแก้ไขส้วมเต็มหรือท่อรั่วโดยด่วน เพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ที่จะตามมานะคะ และนั่นคือสิ่งที่เราจะพบได้เมื่อส้วมในบ้านใกล้เต็มนะคะ ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนเน้นไปที่ถังเกรอะที่เป็นแบบเก่า ที่เดิมที่นั้นก่อสร้างเองด้วยท่อส้วมที่จำจากคอนกรีตนะคะ เพราะถ้าเป็นถังแชทบำบัดน้ำเสียจากส้วม แบบนี้จะมีข้อสังเกตที่แตกต่างไป เดี๋ยวผู้เขียนจะนำมาบอกในบทความต่อไปค่ะ แต่สำหรับบทความนี้จะเห็นได้ว่า มีหลายอย่างที่เราสังเกตได้ อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงที่เริ่มสงสัยว่าส้วมใกล้เต็ม โดยสิ่งแรกที่เราควรทำคือสังเกตสัญญาณรอบตัวที่ง่ายที่สุด เช่น น้ำในโถระบายช้าลง มีกลิ่นเหม็นลอยขึ้นมาจากท่อ หรือได้ยินเสียงปุดๆ หลังการกดชักโครก ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ แค่ใช้สายตา จมูก และหูช่วยตรวจสอบเท่านั้น หากพบว่ามีมากกว่าหนึ่งสัญญาณเกิดขึ้นพร้อมกัน ก็ควรเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าส้วมของเราน่าจะถึงเวลาต้องจัดการแล้วนะคะ โดยการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ รอบตัวแบบนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องรอให้ปัญหาลุกลามไปจนถึงขั้นน้ำล้นหรือท่อแตก ซึ่งจะแก้ไขได้ยากและสิ้นเปลืองกว่าค่ะ จากนั้นเมื่อมั่นใจว่าส้วมมีปัญหาจริงๆ ขั้นตอนถัดไปที่ควรทำให้ต่อเนื่องคือการหาผู้ให้บริการสูบส้วมที่น่าเชื่อถือ และจัดการตามรอบการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุก 3–5 ปี หรือเร็วขึ้นหากมีคนอยู่เยอะ การจดบันทึกวันที่สูบครั้งล่าสุด ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราติดตามได้ง่าย ที่ไม่ต้องคาดเดาแบบลอยๆ นอกจากนี้การดูแลประจำวัน เช่น ไม่ทิ้งสิ่งที่ไม่ย่อยสลายลงส้วม และใช้ปริมาณน้ำอย่างพอดี จะทำให้ระบบอยู่ได้นานขึ้นโดยไม่ต้องแก้ปัญหาบ่อยๆ เมื่อรวมวิธีสังเกตเล็กๆ เข้ากับการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การจัดการส้วมเป็นเรื่องง่าย ไม่สร้างความยุ่งยาก และบ้านก็สะอาดน่าอยู่เสมอได้ง่ายๆ ค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ได้ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ โดยจากที่มีประสบการณ์ผ่านมานั้น ในช่วงที่มีฝนตกหนักๆ ติดต่อกันนานหลายวัน ประกอบกับระยะเวลานานจากครั้งสุดท้ายที่สูบส้วมไป ผู้เขียนพบว่ามีน้ำซึมออกมาจากบริเวณโดยรอบถังเกรอะค่ะ จากนั้นไม่กี่วันเริ่มก็ได้กลิ่นเหม็นรบกวน และสุดท้ายก่อนที่จะเรียกใช้บริการสูบส้วมของทางเทศบาล ชักโครกกดลงช้ามาก ร่วมกับมีระดับน้ำในชักโครกที่สูงกว่าปกติ ซึ่งแนวทางสังเกตข้างต้น คุณผู้อ่านเองก็สามารถนำไปใช้ได้นะคะ ยังไงลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบก่อนก็ได้ค่ะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป ถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #ปัญหาส้วมเต็ม #การกำจัดสิ่งปฏิกูล #SepticTankProblems เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Giorgio Trovato จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ภาพที่ 3 และภาพที่ 4 ออกแบบใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 วิธีลดกลิ่นย้อนกลับในอาคาร จากท่อน้ำทิ้งและน้ำเสีย EM ใส่ส้วมหรือห้องน้ำ ช่วยอะไรได้บ้าง จำเป็นไหม 10 แนวทางดูแลห้องส้วมในบ้าน ช่วงมีฝนตกหนัก ระดับน้ำท่วมสูง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !