จากโศกนาฏกรรมกลางเมืองโคราช ถึงแม้วันนี้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังไม่สามารถข้ามผ่านเรื่องราวร้าย ๆ นี้ไปได้ โดยเฉพาะคนกลุ่มเสี่ยง นั่นก็คือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตนเอง ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือญาติของผู้เสียชีวิตอาจมีอาการของภาวะเครียดหลังเจอเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Acute Stress Disorder) ได้ ภาพจาก : https://images.pexels.com/photos/568027/pexels-photo-568027.jpeg ภาวะเครียดหลังเจอเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Acute Stress Disorder) หมายถึง อาการที่เกิดจากผลกระทบจากประสบการณ์รุนแรง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น อุบัติเหตุ ฆาตกรรม อาชญากรรม ข่มขืน ภัยธรรมชาติ เป็นต้น ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บทางจิตใจ จนรู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไปนับจากวันเกิดเหตุ ฝันร้าย ฝันถึงภาพเหตุการณ์นั้น ๆ บ่อย ๆ มีอารมณ์หดหู่ เศร้า สิ้นหวัง หวาดกลัวทุกครั้งที่ได้ดูข่าวเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกัน นอนไม่หลับ ตระหนกตกใจง่าย กระสับกระส่ายจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องนานมากกว่า 1 เดือน จะเรียกว่า Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างเหมาะสมอาจรุนแรงถึงขั้นมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้ ภาพจาก : https://images.pexels.com/photos/626165/pexels-photo-626165.jpeg ไม่เพียงแต่กลุ่มเสี่ยงเท่านั้นที่อาจจะมีอาการ ASD ได้ ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเองแต่ได้รับชมผ่านการถ่ายทอดสด วิดีโอ ภาพถ่าย เหตุการณ์รุนแรง ภาพการสูญเสียที่สยดสยอง คำบอกเล่าอันหดหู่ ก็ทำให้เกิดภาวะเครียดได้เช่นกัน ผู้ประสบเหตุหลายรายให้ข้อมูลตรงกันว่าทุกครั้งที่คนถาม หรือพูดถึงเกี่ยวกับคนในเหตุการณ์ถูกทำร้าย ภาพความรุนแรง และภาพผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะถ้าเป็นคนที่เขารู้จักคุ้นเคย ยิ่งตอกย้ำให้อาการ ASD รุนแรงขึ้น และทำให้ความพยายามลบลืมเหตุการณ์ล้มเหลวลงอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นอยากให้สังคมเห็นใจพวกเขาเหล่านี้ด้วย อย่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุ (ในโลกโซเชียว) ที่ตอกย้ำทำให้แผลในใจเขาช้ำกว่า และกลายเป็นแผลที่ไม่มีวันหาย และอย่าสร้างผู้ป่วยจิตเวชรายใหม่ โดยเริ่มได้จากตัวคุณ ดังนี้ ภาพจาก : https://images.pexels.com/photos/1040160/pexels-photo-1040160.jpeg 1. เลี่ยงการเสพข่าว แชร์ข่าวที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง มีภาพความรุนแรง สยดสยอง ข่าวที่นำเสนอประเด็นเร้าอารมณ์ให้รู้สึกเศร้า หดหู่มากเกินไป 2. งดการพูดคุย ซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะตอกย้ำให้นึกถึงเรื่องราวร้าย ๆ เพราะจะกระตุ้นให้เครียดมากขึ้น 3. ช่วยสนับสนุนการทำกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย และจิตใจ เช่น การทำบุญใส่บาตรให้ผู้เสียชีวิต ทำกิจกรรมจิตอาสา ออกกำลังกาย เป็นต้น ภาพจาก : https://images.pexels.com/photos/1037999/pexels-photo-1037999.jpeg 4. เปิดใจรับฟังอย่างใส่ใจ เคารพในกันและกัน ไม่ให้คำแนะนำแบบไม่ได้เข้าใจความรู้สึกอย่างแท้จริง เช่น สู้สู้ อย่าคิดมาก อย่าอ่อนแอ เรื่องแค่นี้เอง เป็นต้น 5. หมั่นสังเกตคนรอบข้างหากพบว่ามีอาการกลัว เครียด วิตกกังวล จนไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติได้หลังประสบเหตุการณ์รุนแรง ให้ไปพบจิตแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือปรึกษาสายด่วนกรมสุขภาพจิตได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1323 ข้อมูลเพิ่มเติม : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข