เดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรักที่คนมีคู่ทั้งหลายต่างเฝ้ารอคอยเพื่อที่จะได้มอบของขวัญสำหรับคนพิเศษ หรือแม้แต่ในด้านของธุรกิจต่าง ๆ ก็เฝ้ารอคอยเทศกาลแห่งความรักนี้ เพราะน่าจะเป็นช่วงที่หลายคน เปย์ สุดตัวในช่วงนี้ และเป็นช่วงที่เราจะสามารถซื้อของแพงได้อย่างไม่รู้สึกผิดหรือเสียดาย วันนี้เพื่อให้อินกับเทศกาลเราเลยนำเรื่องราวของ ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับความรัก จากหนังสือขายดีที่ชื่อว่า Say The Magic Words เขียนโดย พี่บิ๊ก-ภูมิชาย บุญสินสุข มารีวิวให้อ่านกัน รับรองว่ามีประโยชน์และได้นำไปใช้แน่นอนภาพถ่ายโดย Chachii01. Crush /krəSH/ ปิ๊งความรู้สึกนี้ย่อมเคยเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ สาว ๆ วัยกระเตาะที่เพิ่งเริ่มแตกเนื้อหนุ่มเนื้อสาว การได้เจอรุ่นพี่ที่แอบชอบมันก็มักจะเกิดอาการที่เรียกว่า Crush หรือว่า ปิ๊ง ขึ้นมากันบ้าง โดยภาษาอังกฤษเขาจะใช้ประโยคที่ว่า I have a crush on someone ฉันแอบปิ๊งคนคนหนึ่งแหละแก๊ อาการที่จะเข้าข่ายคำว่า Crush เนี่ยก็ต้องมีความงุ้งงิ้งไร้เหตุผล พร่ำเพ้อถึงอยู่พอสมควรถึงจะเรียกว่าปิ๊งได้ ซึ่งคำว่า Crush เนี่ยในอีกความหมายหนึ่งแปลว่า บดละเอียด กระหน่ำ โจมตี การรุมทำร้ายอีกฝ่าย ซึ่งมันก็เป็นหนึ่งในอาการเวลาที่เราแอบปิ๊งและตกหลุมรักใครสักคนเช่นกัน คำว่า Crush เลยมีสองความหมายทั้งในแง่ของความรัก และแง่ของการทำร้าย การโจมตี การพ่ายแพ้ นั่นเอง ตัวอย่างประโยคที่อยากให้ลองไปใช้: It's just a crush = แค่ปิ๊งปุ๊บปั๊บเดี๋ยวก็หายบ้าไปเองแหละPhoto Credit: https://unsplash.com/photos/CkvB_DZtVfY02. Flirt /flərt/ จีบเมื่อปิ๊งแล้วก็ต้องเริ่มสานต่อด้วยการ Flirt หรือ การจีบนั่นเอง แต่ว่าการจีบมันก็มีหลายแบบอีกเช่นกัน การจีบแบบรัว ๆ จีบไม่ยั้ง จีบแบบกล้าหาญเราอาจจะใช้คำว่า Hit on (someone) ซึ่งทำให้เห็นวิธีการจีบที่ดุดันหนักหน่วง ในขณะที่มีอีกคำที่น่าสนใจอย่าง Tease ที่หมายถึงการจีบเช่นกัน แต่เป็นการจีบแบบยั่วยวนกวนโอ๊ยและโจ่งแจ้ง มาทำให้คิดถึงแล้วก็ดึงเชิงประมานนั้น ส่วนคำว่า Flirt ก็มีความน่าสนใจเมื่อได้เกิดคำใหม่ที่ผสมกันระหว่าง Flirt + Ralationship กลายเป็น Flirtlationship มันคือความสัมพันธ์ที่ยังไม่ชี้ชัดแต่คนสองคนนี้มักจะหยอดกันไปกันมาเสมอแต่ไม่ได้ตกลง หรือมีสถานะอะไรกันเสียที ตัวอย่างประโยคที่อยากให้ลองไปใช้:Are you flirting with me? นี่แกกำลัง หยอด/จีบ ฉันอยู่ปะเนี่ย? Photo Credit: https://unsplash.com/photos/_hFUm0Q5ZNI03. Tough Love /ˌtəf ˈləv/ รักดุ ๆรักดุ ๆ คืออะไร รักไปตีไปยังงี้หรือเปล่า? ความหมายที่แท้จริงของ Tough Love อาจจะเข้ากับสำนวนที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี นั่นอาจจะหมายถึงก็เพราะว่ารักแหละเลยต้องคอยย้ำคอยสอน ดุด่าว่ากล่าว เราอาจจะเป็นความรักแบบนี้จากพ่อแม่หลาย ๆ คนที่ปล่อยให้ลูกลำบากเพื่อที่จะสอนให้ลูกเข้มแข็ง หรือครูหลาย ๆ คนที่ต้องคอยดุคอยกระตุ้นเราเสมอ แต่แท้ที่จริงก็เป็นเพราะว่าอยากให้เราได้ดี หรือในบางคนอาจจะเจอแฟนที่ชอบดุ ชอบบ่น ชอบว่า จนหลายครั้งชักสงสัยนี่มีแฟนหรือมีแม่วะเนี่ย? แต่เอาจริง ๆ แล้วที่เขาแสดงออกไปทั้งหมดนั้นก็เพราะว่า รัก คำเดียวนั่นแหละตัวอย่างประโยคที่อยากให้ลองไปใช้:Don't be so tough on him. แกดุน้อย ๆ ลงหน่อยเหอะ สงสารแฟนแกจะแย่อยู่แล้วPhoto Credit: https://unsplash.com/photos/KV9F7Ypl2N004. Needy /ˈnēdē/ งุ้งงิ้งคำนี้ถ้าแปลตามดิกชันนารีอาจจะหมายถึงผู้ที่ยากลำบาก-ยากจน แต่ในอีกหนึ่งความหมายมีความใกล้เคียงกับคำว่า Clingy ที่แปลว่าอาการขี้อ้อน เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา แต่สำหรับ Needy นั้นอาจจะเป็นขั้นที่มากกว่า เป็นการเรียกร้องในด้านอารมณ์กับความรู้สึก เพราะเขาอาจจะรู้สึกขาดความรักจากคนใกล้ตัว สังเกตว่าคนที่เป็น Needy จะยากให้เอาอกเอาใจตลอดเวลา อยากเป็นที่รัก และเป็นคนสำคัญเสมอ เกาะแกะอยู่ด้วยไม่ชอบอยู่ห่างกันไปนาน ๆ ซึ่งแรก ๆ ของคู่รักเนี่ยก็อาจจะพอรับมือกับความ Needy ของอีกฝ่ายได้ แต่พอเวลานานวันเข้าอาจจะกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันได้ ดังนั้นหากรู้ตัวว่ามีนิสัย Needy ก็รีบหาต้นตอของปัญหาแล้วแก้ไขให้ตรงจุดจะดีที่สุดนะตัวอย่างประโยคที่อยากให้ลองไปใช้:Don't be so needy. อย่ามาทำตัวงุ้งงิ้งให้มากนักนะPhoto Credit: https://unsplash.com/photos/EnrusDZBZBcความรักกับภาษาอังกฤษใครจะคิดว่ามาเป็นเรื่องเดียวกันได้ เพราะความรักเป็นสิ่งสากลที่แทรกซึมไปในทุกชาติทุกภาษาและอยู่ในใจมนุษย์ทุกคน วันนี้หวังว่าเรื่องราวที่นำมาเล่าให้ฟังจะมีประโยชน์กับทุกคนที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษกันนะคะ ส่วนใครที่อยากจะซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านก็สามารถไปหาซื้อได้ตามรายละเอียดของหนังสือด้านล่างนี้เลยค่า :) ชื่อหนังสือ: คำวิเศษ Say the Magic Wordsเขียน: ภูมิชาย บุญสินสุขสำนักพิมพ์: a book