รีเซต

ใจหาย! ว่าที่พ่อชาวอังกฤษ ภรรยาใกล้คลอดติดโควิด อาการหนัก หมอให้ตัดสินใจ

ใจหาย! ว่าที่พ่อชาวอังกฤษ ภรรยาใกล้คลอดติดโควิด อาการหนัก หมอให้ตัดสินใจ
ข่าวสด
22 มกราคม 2564 ( 17:12 )
76

ว่าที่คุณพ่อชาวอังกฤษใจหาย ภรรยาตั้งครรภ์กว่า 7 เดือน ติดโควิด-19 อาการทรุดหนัก หมอให้ตัดสินใจผ่าคลอด เพื่อโอกาสรอดของแม่และเด็ก

 

The Mirror

 

เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2564 เว็บไซต์ The Mirror นำเสนอข่าวว่า ทอมมี่ ลาร์คิน คุณพ่อชาวอังกฤษรายหนึ่ง ประสบกับความเครียดที่ต้องเผชิญ เนื่องจาก เอลซา ลาร์คิน ภรรยาของเขาที่ตั้งครรภ์ได้กว่า 7 เดือน ติดโควิด-19 และมีอาการทรุดหนัก และการตั้งครรภ์ทำให้ปอดต้องทำงานอย่างหนักขึ้น แพทย์จึงขอให้ ทอมมี่ ยินยอมที่จะให้แพทย์ทำการผ่าตัดทำคลอด เอลซา ภรรยาของเขาหรือไม่

 

ทอมมี่ กล่าวว่า เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความกลัว กับโอกาสที่เขาอาจจะสูญเสียทั้งภรรยาและลูกที่ัยังไม่ทันได้เห็นหน้าไปพร้อมกัน เขารู้สึกเหมือนถูกสาปให้เป็นหิน เขาเกรงว่าภรรยาที่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์อาจไม่รอดจากไวรัสโควิด-19

 

เอลซา ลาร์คิน ล้มป่วยหนักจากการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงวันสิ้นปี 2563 ทีผ่านมา ทั้งนี้จากการที่เธอตั้งครรภ์ถึง 7 เดือน ทำให้เธอและทารกในครรภ์ตกอยู่ในสถานการณ์ "อันตรายถึงที่คุกคามถึงชีวิต"

 

ทอมมี่ ลาร์คิน ได้กล่าวกับสื่อว่า "มันน่ากลัวมาก มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ฉันเคยผ่านมา การต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการสูญเสียทั้งภรรยาและลูกไปพร้อม ๆ กัน ผมได้บอกลากับอีกครึ่งชีวิตของผมไปแล้วแต่ผมยังมีความหวังว่าทั้งคู่จะรอดปลอดภัย มิเช่นนั้นโลกของผมคงพังทลายลง"

 

The Mirror

 

เอลซา ลาร์คิน วัย 34 ปี ติดเชื้อโควิด-19 แต่ภายในเวลาไม่นาน เธอก็ถูกย้ายไปยังห้องผู้ป่วยวิกฤต เนื่องจากสุขภาพของเธอทรุดลงอย่างรวดเร็ว แพทย์ได้บอกให้ ทอมมี่ เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่เลวร้าย ทอมมี่ต้องแจ้งข่าวร้ายให้กับลูกสาวอีก 2 คนของเขา เมลิซา และ อัลบา เขาบอกกับเด็กหญิงทั้ง 2 คน ว่า "แม่กำลังเจอสถานการณ์ที่แย่มาก แต่ฉันเชื่อว่าแม่จะดีขึ้น พวกเราต้องมีความหวังเอาไว้นะ"

 

แก๊กส์ เซคอน หนึ่งในพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ดูแลเอลซ่า เปิดเผยว่า "เนื่องจากปอดของเธอได้ติดเชื้อโควิด-19 มันจึงยากมากที่จะหายใจ แต่เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการบีบตัวของทารกในครรภ์ของเธอก็ยิ่งทำให้เธอหายใจยากขึ้นไปอีก"

 

The Mirror

 

จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้แพทย์ ให้ทอมมี่ ยินยอมให้ มีการผ่าตัดคลอดบุตรก่อนกำหนดแบบฉุกเฉินด้วยการผ่าหน้าท้อง (C-section) ซึ่งนับเป็นเวลา 2 เดือนก่อนที่ทารกจะครบกำหนดคลอดในกลางเดือนมีนาคม แม้เป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสที่ช่วยชีวิตของใครสักคนหรือทั้งคู่ได้ ทอมมี่กล่าวว่าเขาแทบจะ "กลายเป็นหิน" เขากล่าวว่า แพทย์ได้เปิดเผยว่า ทารกมีโอกาสเกิดมาพร้อมกับการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ การผ่าคลอดเกิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2564

 

โชคดีที่การผ่าตัดคลอดลูกประสบความสำเร็จ และเอลซายังคงต่อสู้กับโควิด-19 อยู่ ทั้งนี้ ลูกสาวที่เกิดใหม่ มีน้ำหนักเพียง 1.4 กก. และต้องใช้เครื่องช่วยชีวิตอยู่นานหลายสัปดาห์หลังคลอด คู่สามีภรรยาตั้งชื่อเธอว่า "ฟลอเรนซ์" ตามชื่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ช่วยชีวิตทั้งคู่ไว้

 

ทอมมี่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมลูกสาวของเขาในโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกในวันพุธ (20 ม.ค.64) ที่ผ่านมา แต่เอลซา ยังคงต้องต่อสู้กับโควิด-19 และยังไม่ได้รับอนุญาตให้พบลูกของเธอ ซึ่งหมายความว่า หากเอลซามีอาการที่ดีขึ้น ก็คงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่เธอจะได้พบหน้าลูกสาวเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ทอมมี่ ได้กล่าวว่า "เรายังต้องสู้ต่อไปอีกหน่อย และเราจะก้าวต่อไปด้วยกัน"

 

The Mirror