ครูฝ่ายปกครองขอโทษหน้าเสาธง ปมวานนี้พูดไม่เหมาะสม คล้ายไล่ไปตาย ผอ.เผยเจ้าตัวพูดเชิงประชด

จากกรณีที่เช้าวานนี้ (16 กุมภาพันธ์) นายชุมแพ แก้วใส ครูฝ่ายปกครอง โรงเรียนตราษตระการคุณ อ.เมือง จ.ตราด กล่าวหน้าเสาธง ภายหลังเคารพธงชาติว่า “เข้าใจคำว่าจิตสำนึกไหมครับ ถ้าไม่เข้าใจเอาเชือกเส้นหนึ่ง แล้วเดินไปต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นไหนก็ได้ เลือกกิ่งดีๆ ที่แข็งแรง นั่นแหละจิตสำนึก” ซึ่งมีนักเรียนบันทึกเสียงดังกล่าวไว้ได้ พร้อมโพสต์ลงโซเชียล จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่หน้าเสาธงโรงเรียนตราษตระการคุณ อ.เมือง จ.ตราด หลังจากเคารพธงชาติ สวดมนต์ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้ว ครูได้ประกาศความดีของนักเรียน เพื่อเป็นตัวอย่างของการทำความดี โดยมีนายพิริยะ เอกปิยะกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนตราษตระการคุณ นายชุมแพ แก้วใส ครูฝ่ายปกครอง ครูที่ปรึกษา และนักเรียน ร่วมยืนเข้าแถวรวมกิจกรรมกว่าเกือบ 2,000 คน

จากนั้น นายชุมแพ ได้ขึ้นกล่าวกับครูและนักเรียนหน้าเสาธง ว่า คำแรกต้องขอโทษผู้อำนวยการ ครูทุกท่าน และนักเรียนทุกคน นี่คือคำที่ครูต้องการพูดในวันนี้ ที่ครูชุมแพพูดแล้วทำให้เกิดเรื่อง

“ขอบใจนักเรียนที่ทำให้ครูอะไรหลายๆ อย่าง ขอบใจมาก และขอโทษผู้อำนวยการ ท่านรองผู้อำนวยการ ครูทุกๆ ท่าน เพราะเกิดจากครูเป็นคนอารมณ์ร้อน เห็นแล้วปล่อยผ่านไม่ได้ เลยต้องพูด ถ้ามันไม่ถูกผมก็ขอโทษ” นายชุมแพกล่าว

หลังจากกล่าวจบแล้ว นักเรียนและครูได้ปรบมือเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนายชุมแพ ก่อนจะปล่อยแถวให้นักเรียนเข้าเรียนตามปกติ

ขณะที่ นายพิริยะ กล่าวถึงสาเหตุของเรื่องนี้ว่า เมื่อวานนี้อยู่ในเหตุการณ์ และสิ่งที่ครูชุมแพได้พูดนั้น เป็นการอบรมนักเรียนตามปกติ แต่คำพูดออกไปในทางประชดประชันเท่านั้น ไม่ได้มีเจนตนาไล่นักเรียนหรือบังคับให้ไปฆ่าตัวตายแต่อย่างใด

นายะพิริยะกล่าวว่า ส่วนสาเหตุนั้นมาจากที่นักเรียนบางคนไม่ยอมร้องเพลงชาติ สวดมนต์ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี รวมถึงการแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ซึ่งครูชุมแพเป็นครูที่ครูดีคนหนึ่ง และเป็นครูฝ่ายปกครอง มีหน้าที่ตรวจสอบความเป็นระเบียบวินัย อะไรที่ไม่ดีจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ.2563 ในที่ประชุมผู้ปกครองโรงเรียนตราษตระการคุณ ครูได้เปิดเผยการสำรวจพบนักเรียนที่มีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้าในที่ประชุมว่า มีนักเรียนจำนวน 3-5 คน มีประวัติเป็นโรคซึมเคร้าที่กำลังรักษาตัวอยู่ และยังมีนักเรียนที่เสี่ยงเข้าข่ายโรคซึมเศร้าอีกประมาณ 10 คน เสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายจากผลการทำแบบสอบถามสำรวจในเบื้องต้น ซึ่งข้อมูลนี้เองทางโรงเรียนได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อให้ช่วยดูแลลูกหลานอย่างใกล้ชิด