“Line” แอพลิเคชั่นที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยในแทบทุกสังคม บ้างเพื่อใช้ในการทำงาน บ้างใช้ติดต่อสื่อสารในสังคม บ้างใช้เก็บความทรงจำดี ๆ หรือบางทีแอพลิเคชั่นสีเขียวก็กลายเป็นสีชมพูสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ใช้เป็นช่องทางสานสัมพันธ์ซึ่งกันและกันแต่รู้หรือไม่ ? ว่าใครคือเจ้าของ “Line Application” Credit Picture: Link ย้อนกลับไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน การสื่อสารยังไม่สะดวกสบายเหมือนอย่างเช่นปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยี ประกอบกับแบรนด์สตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นใหม่อย่างมากมาย ผู้คนเริ่มนิยมใช้โทรศัพท์หากันเมื่อประมาณ 10-20 ปีก่อน ก่อนที่ อินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทและผู้คนเริ่มรู้จัก “แชท”ยุคแรก ๆ ของอินเทอร์เน็ตในเมืองไทยเราผู้คนจะนิยมกันเป็นอย่างมากเลยสำหรับ MSN หรือ Hi5 ก่อนที่ Facebook จะเข้ามากินส่วนแบ่งในตลาดไปอย่างมหาศาล และการสื่อสารหากัน รวมถึง การแชร์ในรูปแบบต่าง ๆ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในไลฟสไตล์ของผู้คนไปโดยปริยาย..และหนึ่งในแอพสตาร์ทอัพ ที่เข้ามามีบทบาทในไทย ก็คือ.. “Line” แอพแชท ที่กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ในทุกกิจการในสังคม พ่อค้าแม่ขาย บล็อกเกอร์ เว็บไซต์ข่าวและสื่อ บุคคลที่มีชื่อเสียง รวมถึงในแวดวงอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ใช้ไลน์ในการ Make Money ซึ่งถ้าคิดเป็นเลขกลม ๆ ก็คงจะมีมูลค่าไม่น้อยเลยแต่หลายคน เข้าใจผิดว่าจุดกำเนิดของแอพ “Line” นั้นเป็นของชาวญี่ปุ่น แต่ในความจริงแล้ว ผู้ก่อตั้ง “Line” เป็นชาวเกาหลีต่างหากล่ะเรื่องนี้มีความซับซ้อนนิด ๆ แต่จะซับซ้อนอย่างไร ? Start Monday จะอธิบายให้ฟังปี 1999 “ลี แฮ-จิน” ชาวเกาหลีใต้ได้สร้างเว็บไซต์ชื่อ “Naver” ซึ่งเถ้าแก่แห่งโลกออนไลน์คนใหม่นี้ ต้องการที่จะให้เป็นเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลเช่นเดียวกับ Google หรือ Yahoo แต่เพียง 1 ปี “Naver” ของเถ้าแก่ลีก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดชาวเกาหลีนิยมใช้งานกันเป็นอย่างมาก ต่อมาจึงได้ขยับขยายออกไปยังญี่ปุ่นจัดตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า NHN Japanแต่..แม้จะได้รับความนิยมอย่าล้นหลามเถ้าแก่ลีก็ต้องมาปวดหัวกับวิกฤติในช่วงปี 2010 ที่โซเชียวมีเดีย กำลังไล่กินส่วนแบ่งในตลาด NHN Japan ของเถ้าแก่ลี จึงได้พยายามคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้มากขึ้น แต่แล้วก็เกิดวิกฤติที่โถมเข้าเพิ่มอีก ในปี 2011 เกิดสึนามิขึ้นที่ญี่ปุ่นเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ที่โลกต้องพบเจอระบบเศรษฐกิจไม่ได้พังแค่อย่างเดียว แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็พังพินาศลงไปด้วย ที่สำคัญ การสื่อสารถูกตัดขาด ผู้คนไม่สามารถติดต่อซึ่งกันและกันได้ ทีมวิศวกรของบริษัท จึงได้คิดค้นแอพลิเคชั่นที่ใช้สื่อสารกัน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา ให้ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อสื่อสารกับครอบครัวได้และจากโอกาสในจุดวิกฤตินั้นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “สาย” หรือ “Line” ที่ใช้เชื่อมต่อผู้คนทั้งโลกเอาไว้ด้วยกัน Credit Picture: Link ในปี 2019 ที่ผ่านมา “Line” มีผู้ใช้งาน 194 ล้านยูสเซอร์ จาก 230 ประเทศทั่วโลก “Line” กลายเป็นแอพพลิเคชันที่พลิกจุดวิกฤติ ขึ้นมาเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการสื่อสาร ส่วนเถ้าแก่ลีเอง ก็ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในห้าสิบบุคคลที่รวยที่สุดในเกาหลีใต้ ล่าสุด เถ้าแก่ลีมีสินทรัพย์ราว 1.4 ล้านล้านเหรียญ หรือประมาณ 44 ล้านล้านบาท (ข้อมูลวันที่ 7 มี.ค. 63) Credit Picture: Link ปิดท้ายกันด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ ปลายยุค 1990 เมื่อครั้งที่เถ้าแก่ลี ก่อตั้ง “Naver”ในเวลานั้น..เขายังทำงานให้กับ Samsung SDS อยู่ _________________________________Swivel คอนเทนท์ยุคใหม่เชิงสร้างสรรค์ ที่นำเสนอในทุกแรงบันดาลใจ Follow Us In “Facebook”Follow Us In “Instragram” Copyright By Swivel*บทความนี้ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Swivel On Blockdit จริง