หากเราลองศึกษาเกี่ยวกับพืชสมุนไพรแต่ละชนิดดูแล้ว จะทำให้เราได้รู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่งในปัจจุบันก็มีสมุนไพรหลายชนิดที่เริ่มหายากขึ้นทุกที นั่นเป็นเพราะการให้ความสนใจในสมุนไพรพื้นบ้านเริ่มลดน้อยลง ทำให้พืชที่มีประโยชน์หลาย ๆ ชนิดเป็นที่รู้จักน้อยลงเช่นกัน ผู้เขียนจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอบทความความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับสมุนไพรพื้นบ้าน เพื่อบอกเล่าถึงสรรพคุณและภูมิปัญหาของคนรุ่นเก่าที่ได้คิดค้นไว้เป็นอย่างดี และมีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังอย่างพวกเราเป็นอย่างมาก และในบทความนี้ผู้เขียนตั้งใจนำเสนอพืชสมุนไพรที่สามารถดับพิษได้นั่นก็คือ “คราม” ที่ปัจจุบันก็แทบไม่มีคนรู้จักเท่าไรนัก ทั้ง ๆ มีสรรพคุณของมันก็ไม่น้อยไปกว่าพืชสมุนไพรชนิดอื่น ๆ เลยภาพถ่ายโดยผู้เขียน“คราม” เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 4-6 ฟุต แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นกลมสีเขียว มักพาดเกาะตามสิ่งที่อยู่ใกล้กับต้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด โดยเป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดด ทนทานต่ออากาศร้อน ฝน และดินเค็มได้ดี ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีลักษณะคล้ายกับใบก้างปลาแต่เล็กกว่า ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปวงรีแกมรูปขอบขนาน หรือเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมน โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบ ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อดอกยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ดอกย่อยมีลักษณะเป็นรูปดอกถั่ว กลีบดอกเป็นสีม่วงแกมสีน้ำตาลหรือเป็นสีชมพูและเป็นสีเขียวอ่อน ผลมีลักษณะเป็นฝักกลมขนาดเล็ก ยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร โดยออกเป็นกระจุก ฝักมีลักษณะคล้ายฝักถั่ว ภายในฝักมีเมล็ดสีครีมอมสีเหลืองขนาดเล็กภาพถ่ายโดยผู้เขียนสรรพคุณของ “คราม” นั้นสามารถรักษาอาการต่าง ๆ ได้ คือ แก้กษัย แก้ไขตัวร้อน แก้ปวดศีรษะ แก้พิษงู แก้พิษฝี แก้บวม ดับพิษ เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ สมัยเด็ก ๆ บ้านของผู้เขียนเป็นบ้านสวน ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่จะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอมาอาศัยอยู่ตามพงหญ้า ครั้งหนึ่งพ่อของผู้เขียนเข้าไปทำสวนแต่เช้ามืด โชคร้ายโดนงูพิษไม่ทราบชนิดกัด ซึ่งเห็นบาดแผลชัดเจน ปู่ของผู้เขียนรีบนำเปลือกของต้น “คราม” มาตำให้แหลกผสมกับเหล้าขาวโปะเข้าไปที่รอยแผลงูกัดแล้วนำผ้ารัดไว้ จากนั้นรีบพาพ่อไปส่งโรงพยาบาลซึ่งก็อยู่ไกลจากบ้านมากอีกทั้งการเดินทางยังลำบาก และเมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอก็รีบเข้ามาตรวจเช็คบาดแผล และบอกว่าหากไม่ได้นำสมุนไพรชนิดนี้พอกไว้ที่แผลเพื่อดูพิษงูออก พ่อของผู้เขียนอาจมีอันตรายถึงชีวิตไปแล้ว นั่นก็คือข้อดีการที่มีสมุนไพรไว้ติดบ้านที่ทำให้สามารถหยิบมาใช้ได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ปู่ยังมักจะนำส่วนลำต้นของ “คราม” มาสับตากแห้งแล้วต้มทำเป็นเป็นแก้โรคกษัยเส้น รวมถึงยังดื่มเป็นยาลดไข้ และแก้ปวดศีรษะได้เป็นอย่างดี ทั่วไปแล้วเราจะมักเห็นต้น “คราม” ขึ้นอยู่ตามท้องร่องสวนไม่ต่างจากวัชพืช หากไม่รู้ถึงสรรพคุณและประโยชน์ของมันก็มักจะถอนทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย ผู้เขียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลต่าง ๆ ของสมุนไพรพื้นบ้านที่ได้นำมาเสนอนั้น จะเป็นแหล่งความรู้ที่ทำให้ท่านผู้อ่านรู้จักสมุนไพรพื้นบ้านเรามากขึ้นเพื่อช่วยกันอนุรักษ์ ไม่ให้สูญหายไป ภาพถ่ายโดยผู้เขียน