‘พิพัฒน์’ รับเสียใจมาก กรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตที่ภูเก็ต พร้อมเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสีย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากกรณีพบร่างนางนิโคล โซเวน ไวสคอป (Mrs. Nicole Sauvain-Weisskopf) สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ นักท่องเที่ยวต่างชาติในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เสียชีวิตบริเวณธารน้ำตกโตนอ่าวยน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสภาวะที่ประเทศไทย กำลังดำเนินโครงการทดลองนำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในขณะนี้ ซึ่งล่าสุดในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทำจดหมายแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น และส่งไปยังสถานทูตสวิสเซอร์แลนด์แล้ว โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติแน่นอน รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย เนื่องจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่ได้เป็นโครงการที่ถูกจับตาจากคนในประเทศเท่านั้น แต่เป็นโครงการที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความสนใจ ว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จะสามารถเดินหน้าโครงการไปได้ไกลเท่าใด หากสำเร็จหลายประเทศก็จะเดินตามในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ที่ไทยนำร่องขึ้น แต่หากพบว่าไม่สำเร็จ ก็จะนำไปศึกษาและแก้ไขต้นเหตุ โดยหากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่สะดุดลงกลางคัน คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวในไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2565 เพิ่มขึ้น และจะมีเงินเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตมากกว่านี้แน่นอน เทียบกับเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 829 ล้านบาท ซึ่งหากรวมการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จะเพิ่มขึ้น 2-5 เท่า หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อเดือน

“เรื่องนี้ถือว่าเป็นความผิดพลาด และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นได้ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะที่เป็นผู้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จะต้องแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งบทบาทของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต่อจากนี้จะต้องดูแลและเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศ รวมถึงการเยียวยาที่มีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว โดยจะเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายใต้หลักเกณฑ์สูงสุดที่ 1 ล้านบาท” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายกำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ร่วมมือในการดูแลความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียซ้ำซ้อนขึ้น โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงจะขยายผลไปยังพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งโครงการสมุย พลัส โมเดล รวมทั้งเกาะไหง ไร่เลย์ เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และเขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา ที่เตรียมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวภายในเดือนนี้ โดยในระยะสั้นการเร่งดึงความเชื่อมั่นกลับมา จะต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะมาตรการจากฝ่ายความมั่นคง ซึ่งจะหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะยกหูโทรศัพท์ประสานไปยังผู้ว่าราชการใน 3 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ให้ช่วยกำชับดูแลเรื่องความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้ยกระดับความปลอดภัยของการท่องเที่ยวสูงขึ้นมาจากเดิมแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น ก็ต้องยกระดับความปลอดภัยให้สูงและเข้มข้นขึ้นอีก โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเสริมอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีเพิ่มเติม ในการยกระดับตำรวจท่องเที่ยว ที่มีประมาณ 2 พันคนทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงพอกับการดูแลนักท่องเที่ยวได้ทั้งหมด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาณ จึงมีการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวประมาณ 3 พันคน และพยายามให้มีอาสาสมัครประจำชุมชนในทุกจังหวัด เพราะคนในพื้นที่จะสามารถสำรวจตรวจสอบคนแปลกหน้าได้ดีมากกว่าคนนอกพื้นที่ โดยจะต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด