ซื้อประกันแบบไหน ได้ลดหย่อนภาษี ประกันชีวิต หรือ ประกันสุขภาพ ?ประกันชีวิตประกันชีวิต แบ่งได้ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ประกันชีวิตแบบบำนาญ และประกันชีวิตทั่วไปเราขอพูดถึงประเภทแรกก่อนนะ คือประกันบำนาญประกันบำนาญ นอกจากได้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเป็นประกันที่เน้นไปทางการออมเงิน คล้ายประกันทั่วไปประเภทสะสมทรัพย์ แต่ที่แตกต่างคือ ผู้ประกันจะไม่ได้รับเงินคืนระหว่าง หากแต่จะได้รับเงินคืนในรูปแบบบำนาญ เมื่อถึงวัยเกษียณอายุ (อายุ 55 – 85 ปี หรือตามที่กรมธรรม์กำหนด) โดยจะได้รับเป็นรายปี หรือรายเดือน (ไม่ได้เป็นเงินก้อน)ข้อดีของประกันประเภทนี้คือ ผู้ประกันจะได้รับเงินไว้ใช้ในยามเกษียณในจำนวนที่แน่นอน เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อยกว่าแผนเกษียณในรูปแบบอื่นๆ เพราะนอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงในกรณีเสียชีวิตแล้ว ยังได้รับเงินคืนในยามชราอีกด้วย จุดเด่นของประกันบำนาญ คือการได้เงินคืน จะมีการแบ่งจ่ายเป็นรายงวดให้กับผู้ประกัน ทำให้ผู้ประกันมั่นใจได้ว่า จะมีเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้ในยามเกษียณแน่นอน ช่วยลดความเสี่ยงจากการได้รับเงินก้อนใหญ่ หากผู้ประกันไม่สามารถบริหารจัดการได้ดีพอ เงินก้อนนี้อาจจะหมดไปก่อนก็ได้แต่ก็มีข้อเสีย คือ ผลตอบแทนที่ได้รับค่อนข้างต่ำ เราต้องประเมินดูก่อนว่า เงินที่จะได้คืนนั้นจะพอใช้ยามเกษียณหรือไม่ และเรามีแผนเกษียณอื่นๆอีกไหม และวงเงินความคุ้มครองชีวิตอาจไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประกันชีวิตทั่วไป จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการทุนประกันชีวิตสูงเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันบำนาญต้องทำประกันที่มีระยะคุ้มครองเกิน 10 ปีขึ้นไป และทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้นต้องเป็นประกันบำนาญ ประเภทที่ระบุชัดเจนว่า "บำนาญแบบลดหย่อนได้"นำไปลดหย่อนภาษี ได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ ลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท (หากมีประกันชีวิตทั่วไปด้วย จะใช้สิทธิในประกันชีวิตทั่วไปได้อีก 100,000 บาท)ในกรณีที่ไม่มีประกันชีวิตประเภทอื่นอีก จะใช้สิทธิประกันบำนาญลดหย่อนภาษี ได้เต็มที่สูงสุด 300,000 บาทหากมีการออมในกองทุน เมื่อนำเบี้ยประกันก้อนนี้ไปรวมกับ เงินสะสมในกองทุนดังต่อไปนี้ ได้แก่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว (SSF) กองทุนเพื่อการออมแห่งชาติ รวมกันแล้วทั้งหมดจะใช้สิทธิได้ไม่เกิน 500,000 บาทประกันชีวิตแบบที่สองก็คือ ประกันชีวิตทั่วไปประกันชีวิตทั่วไป แบ่งเป็น 4 รูปแบบหลัก คือประกันชีวิตแบบตลอดชีพประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ประกันชีวิตควบการลงทุนข้อดีของประกันชีวิตทั่วไปคือ มีความหลากหลายของแผนประกัน สามารถเลือกรับผลตอบแทนระหว่างทางได้ (ในบางประเภท) และมีความยืดหยุ่นในระยะเวลาคุ้มครอง ซึ่งประกันชีวิตทั่วไปทั้ง 4 แบบ จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เราสามารถเลือกแผนประกันที่เน้นวงเงินประกันสูง แต่จ่ายเบี้ยต่ำ หรือเน้นไปที่การสะสมทรัพย์รับเงินคืน บางคนอาจมองว่าประกันชีวิตแบบบำนาญ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ตรงใจใครหลายๆคน จึงอยากให้ลองมองประกันชีวิตแบบทั่วไปที่มีตัวเลือกที่มากกว่า เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตทั่วไปต้องทำประกันที่มีระยะคุ้มครองเกิน 10 ปีขึ้นไป และทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้นหากมีเงินคืนระหว่างสัญญา เงินคืนสะสมต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี หรือไม่เกิน 20% ตามช่วงระยะเวลานั้นๆ เช่น จ่ายเงินคืนทุก 2 ปี หรือ 3 ปี ให้คิดจากเบี้ยประกันสะสมในระยะเวลาดังกล่าวแทนใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท ประกันสุขภาพประกันสุขภาพก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ (ต้องทำประกันสุขภาพกับบริษัทในประเทศไทยเท่านั้น)มีเงื่อนไข และการใช้สิทธิดังนี้ประกันสุขภาพตนเองเบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทแต่เมื่อนำเบี้ยส่วนนี้ไปรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเงินฝากแบบมีประกันชีวิต รวมกันแล้วทั้งหมด จะใช้สิทธิลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทประกันสุขภาพพ่อแม่เบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท(หากมีพี่น้องที่ร่วมจ่ายเบี้ยประกัน ต้องนำเบี้ยประกันมาหารเฉลี่ยเพื่อแบ่งกันนำไปใช้สิทธิลดหย่อน)พ่อแม่ต้องมีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทในปีภาษีนั้นๆข้อดีของการทำประกันสุขภาพคือ นอกจากจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองในด้านสุขภาพ ซึ่งมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์เมื่อยามเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาลก็จะไม่ไปกระทบเงินเก็บสะสม หรือเงินเกษียณของเรา หากเรามีประกันสุขภาพคุ้มครองอยู่ แต่ข้อเสียคือ ประกันสุขภาพมักจะมีเบี้ยประกันที่สูง และจะไม่ได้รับเงินคืนแม้ว่าจะไม่ได้ใช้สิทธิก็ตามเงื่อนไขประกันสุขภาพที่นำไปลดหย่อนภาษีได้ ต้องมีลักษณะดังนี้ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การชดเชยทุพพลภาพ และการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับ การรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูกประกันภัยโรคที่ร้ายแรง (Critical Illnesses)ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care) สรุปเราสามารถใช้สิทธิทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพในการลดหย่อนภาษีได้ แต่ทั้งนี้การตัดสินใจซื้อประกันนั้นมีมากกว่าผลประโยชน์ด้านภาษี ด้วยราคาเบี้ยประกันที่สูง และภาระผูกพันในระยะยาว (สัญญาหลายปี) จึงอยากให้มองที่แผนประกัน และความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตัวเราเป็นหลัก เพราะจุดประสงค์หลักของการทำประกัน ก็คือความคุ้มครอง ส่วนเรื่องการลดหย่อนภาษีนั้นเป็นจุดประสงค์รองลงมา สุดท้ายนี้ขอสรุปการลดหย่อนภาษีให้ตามรูปภาพด้านล่าง และหลังจากซื้อประกันแล้ว อย่าลืมแจ้งความประสงค์ในการลดหย่อนภาษีไปที่บริษัทที่เราซื้อประกันก่อนยื่นภาษีปลายปีด้วยนะคะ บทความที่คุณอาจสนใจ100 บาท อ่าน E-book ได้ทุกที่ ตลอดทั้งปี แนะนำ App Maruey Library ยืมได้ อ่านฟรีรีวิว ช่องเรียนภาษาอังกฤษ 4 แบบ 4 สไตล์ ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเครดิตภาพปก I Contemp-lism, Fidsor , ภาพ 1 I Rawpixel, Freepik , ภาพ 2 I ผู้เขียน , ภาพ 3 I Tirachardz, Freepik , ภาพ 4 I ผู้เขียนCommunityคอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลีย