เราทุกคนที่เติบโตจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ ต่างมีอาชีพการงานก่อร่างสร้างตน สร้างครอบครัว ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ ฝ่าฟันอุปสรรค์ในชีวิตที่แตกต่างกันมากมาย สิ่งหนึ่งที่ทุกคนย่อมมีเหมือนกันคือ ช่วงเวลาในวัยเรียนที่มีเพื่อนร่วมเรียนร่วมเล่น ทำกิจกรรมมากมายในรั้วสถาบันที่เราเข้ารับการศึกษา และเชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าวย่อมมีหลายสิ่งที่ยังคงประทับใจอยู่ในความทรงจำของเรามาจนถึงทุกวันนี้ ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ได้กล่าวนำมาข้างต้น โรงเรียนที่ผู้เขียนจบการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่กล่าวได้ว่าเป็นที่รักของนักเรียนเก่าทุกคนทุกรุ่นนับแต่ก่อตั้งมาถึงปัจจุบัน โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อว่า "โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย" ปัจจุบันมีอายุถึง 134 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 117 ถนนแก้วนวรัฐ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เขียนอยากเชิญชวนผู้อ่านให้มาทำความรู้จักกับโรงเรียนแห่งนี้กัน ภาพโบสถ์ของโรงเรียนที่สวยงามยามค่ำคืนก่อนจะพูดถึงโรงเรียนอันเป็นที่รักแห่งนี้ ขอกล่าวถึงความตั้งใจในการเขียนบทความสักเล็กน้อย ด้วยมีคำถามที่มักได้ยินบ่อยครั้งว่า "ทำไมศิษย์เก่าที่จบจากโรงเรียนแห่งนี้ จึงรักและผูกพันกันมากมาย" เป็นรักที่มั่นคง ต่างก็ภาคภูมิใจ และยังมีเผื่อแผ่มาถึงศิษย์รุ่นหลังอย่างไม่รู้จบอีกด้วย ผู้เขียนทราบว่าศิษย์ทุกโรงเรียนต่างก็มีความรักความผูกพันต่อสถาบันของตนเองเช่นกัน ผู้เขียนขอมุ่งประเด็นมาที่ The Prince Royal's college โรงเรียนที่ผู้เขียนเองก็เป็นนักเรียนเก่าที่ได้ศึกษาเล่าเรียนจากโรงเรียนนี้เช่นกัน The Prince Royal's college มีชื่อเรียกย่อ ๆ ว่า พี อาร์ ซี" ใช้อักษรย่อ PRC โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ชาวเชียงใหม่รู้จักเป็นอย่างดี เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2430 ปัจจุบันมีอายุรวม 136 ปี เดิมชื่อ โรงเรียนชายวังสิงห์คำ ที่มีแต่นักเรียนชาย และได้รับพระราชทานนามโรงเรียนจากพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 ครั้งทรงดำรงพระอิสริยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2449 นามที่ได้รับพระราชทาน คือ The Prince Royal's college เป็นชื่อที่เราต่างภาคภูมิใจสืบเนื่องยาวนานจนถึงปัจจุบัน นับเวลาหลังการได้รับพระราชทานนามถึงปัจจุบัน 117 ปี และผู้เขียนเองมีโอกาสได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนที่รักแห่งนี้เพียง 2 ปี ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เนื่องจากเดิมโรงเรียนรับแต่นักเรียนชาย ต่อมาจึงเริ่มรับนักเรียนหญิงมาเรียนร่วมในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งในยุคนั้นมีเพียง 2 ระดับชั้น คือ มัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสหศึกษาเต็มรูปแบบเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ผู้เขียนมีบุตรชายที่จบจากสถาบันแห่งนี้เช่นกัน ชื่อรุ่นตอนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คือ รุ่น "หล้า'44" เป็นนักเรียนรุ่นสุดท้ายที่มีแต่นักเรียนชายล้วน โดยหลังจากรุ่นนี้โรงเรียนก็เปิดรับทั้งนักเรียนชายหญิง ทำให้มีน้อง ๆ ที่เรียนรวมกันทั้งหญิงและชาย สร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้กับรุ่นพี่ได้ไม่น้อยในขณะนั้น โดยในช่วงเริ่มต้นจำนวนของนักเรียนแต่ละห้องก็จะมีนักเรียนชายมากกว่านักเรียนหญิงต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก ต่อมาจึงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจนถึงปัจจุบัน พบว่าเรียนหญิงมีจำนวนมากกว่านักเรียนชายแทบทุกห้องเรียน คล้ายกับว่านักเรียนหญิงเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในแต่ละชั้นเรียน ค่อย ๆ ลดกลิ่นไอของโรงเรียนชายล้วนลงอย่างน่ารักทีเดียวสิ่งที่ผู้เขียนอยากกล่าวถึง สืบเนื่องมาจากคำถามที่เราชาวเชียงใหม่หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปที่รู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อเสียงของโรงเรียนของเรา ที่มักถามกันต่อ ๆ มาว่า "ทำไมนักเรียนเก่าที่จบจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จึงรักผูกพันกันอย่างมากมาย" ไม่แต่เฉพาะรักกันในความเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ได้เรียนร่วมกันมาตลอดอายุการเป็นเด็กวัยเรียน แต่นักเรียนเก่าที่จบทุกรุ่น เราต่างก็รักโรงเรียนของเรา รักนักเรียนรุ่นน้อง ๆ รักครูอาจารย์ รักโบสถ์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของเรา รักโรงละครที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ของท้องถิ่น รักต้นจามจุรี และทุก ๆ อย่างที่เป็นโรงเรียนอันเป็นสถาบันที่หล่อหลอมเราทุกคนให้เป็นคนดีของสังคม คนที่ไม่รู้จักอาจฟังดูเกินจริง ผู้อ่านอยากชวนให้ติดตามเพื่อหาคำตอบของเรื่องนี้ด้วยกันคำกล่าวที่ว่า "ทำไมศิษย์เก่า PRC จึงรักผูกพันโรงเรียน" จริงเพียงใดไม่มีใครสามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้เขียนในฐานะนักเรียนเก่าและครูผู้เคยสอนในโรงเรียนแห่งนี้มานานถึง 36 ปี มีเรื่องราวที่อยากนำมาเชิญชวนให้ผู้อ่านได้มีอีกหนึ่งมุมมองที่อาจช่วยให้เข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่มีความรู้สึกดังกล่าวข้างต้น เราเริ่มที่หลักการง่ายๆ ของนโยบายการคละห้องของนักเรียน ที่โรงเรียนจัดทำทุกปีการศึกษา เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักกันทั้งรุ่นไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มห้องของตนเอง ส่งผลนักเรียนเรารู้จักกันและเป็นเพื่อนกันเกือบทุกคน ประเด็นที่สองครูของเราสอนศิษย์ด้วยความรัก ตามหลักความเชื่อพื้นฐานของโรงเรียนเราซึ่งตั้งอยู่บนรากฐานของคริสต์ศาสนาที่เกิดจากความรักขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า โดยเรามีพ่อครู ดร.วิลเลี่ยม แฮรีสเป็นแบบอย่างของการเป็นครูที่อุทิศตนเพื่อการศึกษาของศิษย์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นครูผู้เปลี่ยนแปลงโรงเรียนจากโรงเรียนชายวังสิงห์คำ มาเป็นโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ที่ยิ่งใหญ่งดงามในปัจจุบัน จนถึงวัยเกษียณที่ท่านเดินทางกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยกระเป๋าเสื้อผ้าเพียงใบเดียว หลังจากได้สร้างทุกอย่างที่งดงามให้กับโรงเรียนแห่งนี้ ต่อจาก ดร.ดี จี คอลลินส์ มิชชันนารีที่ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่คนแรกของโรงเรียน ประเด็นที่สาม คือ การที่โรงเรียนของเราคัดเลือกครูที่มาทำหน้าที่ดูแลอบรม และให้ความรู้แก่ศิษย์ อย่างมีหลักการความเชื่อพื้นฐานบนความรักที่มีให้กับลูกศิษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ครูต่างยึดหลักเป้าหมายของการจัดการศึกษาเดียวกัน ที่สืบเนื่องยาวนานมาตั้งแต่สมัยของพ่อครูแฮรีส เป้าหมายการจัดการศึกษาที่ถูกกำหนดไว้ คือ "การศึกษา คือ การพัฒนาอุปนิสัย" ดังปรากฏในคำกราบบังคมทูลในวันพระราชทานนามโรงเรียนที่ว่า "The ultimate aim of Education is the development of character." สิ่งนี้ล้วนอยู่ในใจเราทุกคนเริ่มจากผู้บริหาร คณะครูบุคลากรในโรงเรียน ตลอดถึงผู้ปกครองที่ตัดสินใจพาบุตรหลานเข้ามารับการศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้ ล้วนตระหนักถึงเป้าหมายสูงสุดนี้ที่บุตรหลานอันเป็นที่รักจะได้รับการปลูกฝัง ซึมซับเป็นอุปนิสัยของลูกหลานให้เติบโตเป็นคนดีของครอบครัว สังคม ชุมชน และประเทศชาติต่อไปนอกเหนือจากที่กล่าวมา โรงเรียนยังมีกิจกรรมมากมายที่เป็นสิ่งช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ให้นักเรียนได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีความรักความผูกพันกัน รู้จักการรักตนเองรักผู้อื่น ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ผู้เขียนขอกล่าวถึงกิจกรรมการเข้าโบสถ์ที่ทางโรงเรียนเราจัดให้มีตั้งแต่ระดับปฐมวัยต่อเนื่องทุกชั้นปีเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ถึงพระคุณความรักขององค์พระเยซู จากข้อพระคัมภีร์ผ่านทางศาสนาจารย์ผู้เทศนา ที่ช่วยให้เราที่เป็นลูกศิษย์ทุกคนได้รับการกล่อมเกลาสู่การมีบุคลิกภาพที่ดีงาม เป็นที่รักของครูอาจารย์ บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ตลอดจนผู้พบเห็นทั่วไป สิ่งนี้เราชาวพีอาร์ซี ลูกน้ำเงินขาว (สีประจำโรงเรียน) เราต่างซาบซึ้งใจที่ได้รับการสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่ผู้เขียนกล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ได้สร้างศิษย์ที่มีอัตลักษณ์เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนจากรุ่นสู่รุ่นมายาวนาน เรามีลูกหลานที่เป็นศิษย์ปัจจุบันในโรงเรียนกว่าหกพันคน หลายคนมีคุณปู่คุณตาที่เป็นศิษย์เก่าเคยเรียนที่นี่ยิ่งสร้างความรักและความภาคภูมิใจให้กับนักเรียนตัวน้อยได้อีกมาก เรียกว่าขยันที่จะมาโรงเรียนกันทุกวัน ผู้เขียนเองเคยทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนเด็ก ๆ ในระดับประถมศึกษาตอนต้น ได้ทำหน้าที่อบรมฟูมฟักดูแลทั้งทักษะชีวิตที่ดีงามควบคู่กับทักษะทางวิชาการที่เรามีให้อย่างเต็มศักยภาพที่ครูพึงมี เพื่อลูกศิษย์ได้พัฒนาตนอย่างเต็มความสามารถพร้อมส่งต่อสู่ระดับชั้นต่อไปอย่างมั่นใจ นักเรียนต่างมีความสุขกับการก้าวเดินสู่ชั้นที่สูงขึ้น ๆ ประกอบกับการได้พบปะเพื่อนใหม่ทุกชั้นปี ที่ทางโรงเรียนจัดให้มีโอกาสได้รู้จักกันด้วยการคละกันในกลุ่มสายการเรียนเดียวกัน จนสำเร็จการศึกษาจากรั้วโรงเรียนของเราสู่การเรียนรู้ในโลกที่กว้างใหญ่อย่างงดงามต่อไปขอขอบคุณ : ขอบคุณภาพห้องเรียนของครูพรรณี ที่มี Teacher Christopher Sweeet และเด็กๆ ลูกศิษย์ที่น่ารักของครู ภาพทุกภาพเป็นของผู้เขียน T. Panneeเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !