อุตุนิยมวิทยาโลก เตือนถึงวิกฤตน้ำ อากาศเปลี่ยนแปลง เกิดภัยแล้งและน้ำท่วมใหญ่
Climate Change: องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ส่งเสียงเตือนถึงวิกฤตน้ำ หากยังไม่เร่งดำเนินการ ขณะที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง มีส่วนทำให้เกิดภัยแล้งและน้ำท่วมใหญ่
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ระบุว่า การจัดการแหล่งน้ำทั่วโลกยังไม่ดีพอ และไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งประเทศต่าง ๆ จะต้องเร่งปฏิรูปและเพิ่มงบประมาณทางการเงิน รวมทั้งเพิ่มความร่วมมือต่อระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน ก่อนที่จะเกิดวิกฤตน้ำ
พร้อมคาดว่า สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่แหล่งน้ำ เช่น ภัยแล้ง และน้ำท่วม ขณะที่จำนวนผู้คนที่พึ่งพาแหล่งน้ำ จะยิ่งตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากประชากรโลกขยายตัว ทำให้การหาแหล่งน้ำยากขึ้นไปด้วย
เพตเตรี ทาลาส เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก บอกว่า สิ่งเหล่านี้ คือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบ่อยสุด และสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตมนุษย์และเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงเกิดความร่วมมือระหว่างองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก กับองค์กรระหว่างประเทศ และหน่วยงานการพัฒนา ตลอดจนสถาบันทางวิทยาศาสตร์ ภายใต้รายงานเกี่ยวกับสถานะภูมิอากาศปี 2021 : น้ำ (The State of Climate Services 2021: Water)
ซึ่งประเมินว่า จำนวนผู้คนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำอย่างเพียงพอ จะเพิ่มเป็น 5,000 ล้านคนในปี 2050 เมื่อเทียบกับปี 2018 ที่จำนวนผู้คน ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำอย่างเพียงพอราว 3,600 ล้านคน
ด้วยเหตุนี้ จึงมีเสียงเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณ และเร่งดำเนินการ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการจัดการน้ำ และปรับปรุงระบบการเตือนภัยน้ำท่วมในเอเชียให้ดีขึ้น ตลอดจนระบบการเตือนภัยแล้งในแอฟริกา
ทาลาส บอกว่า โลกจะต้องยกระดับการจัดการแหล่งน้ำให้ดีขึ้น หลายประเทศจำเป็นต้องลงทุน เพื่อต่อสู้กับภัยแล้งและน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานนี้ พบว่า ประเทศต่าง ๆ ราว 107 ชาติ ยังไม่อยู่ในเส้นทางสู่เป้าหมาย เพื่อจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืนในปี 2030 และยังเกิดช่องว่างทางข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเลวร้ายในเอเชียกลาง, แอฟริกา และระหว่างชาติหมู่เกาะด้วยกัน
รายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ชี้ว่า น้ำท่วมคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกกว่า 300,000 ราย และภัยแล้ง คร่าชีวิตคนกว่า 700,000 ราย นอกจากนั้น ยังผลกระทบต่อการผลิตอาหารอีกด้วย