ฮังการีเริ่มฉีด 'วัคซีนโควิด-19' ให้คนหนุ่มสาววัย 16-18 ปี
บูดาเปสต์, 14 พ.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.) ฮังการีเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ให้กับกลุ่มคนอายุ 16-18 ปี ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการผ่อนปรนมาตรการป้องกันและควบคุมโรค
"การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับคนหนุ่มสาวอายุ 16-18 ปี เริ่มขึ้นตามแผนแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี ตามจุดฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลที่กำหนดเฉพาะ" รัฐบาลฮังการีระบุผ่านทางเว็บไซต์ทางการ
รัฐบาลระบุว่ามีคนหนุ่มสาว 84,000 คน จากจำนวนประชากรในกลุ่มอายุนี้ที่มีจำนวนรวมเกือบ 200,000 คน ที่ได้ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว โดยพวกเขาจะได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) ตามกรอบเวลาของแผนฉีดวัคซีนระยะนี้ซึ่งจะสิ้นสุดในวันอังคารหน้า (18 พ.ค.)
มีชาวฮังการีมากกว่า 5 ล้านคนที่ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย และมากกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนนี้ได้รับวัคซีนแล้ว โดยปัจจุบันฮังการีใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากผู้ผลิต 6 ราย ได้แก่ ไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNtech) โมเดอร์นา (Moderna) แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) สปุตนิก วี (Sputnik V) ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และแจนเซน (Janssen)
"เราจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนครบ 5 ล้านคนในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 24 พ.ค. โดยสิ่งที่แน่ชัดแล้วคือประชาชนจะสามารถจัดงานแต่งงานขนาดใหญ่ได้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. เป็นต้นไป โดยไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้รับการฉีดวัคซีน แต่การจัดพิธีศพขนาดใหญ่อาจจะได้รับการอนุญาตเมื่อเราฉีดวัคซีนถึง 5 ล้านคนแล้ว" แกร์เกล กุลยาส (Gergely Gulyas) หัวหน้าสำนักนายกรัฐมนตรีฮังการี แถลงข่าว พร้อมระบุว่ารัฐบาลจะทบทวนขั้นตอนต่อไปในการผ่อนปรนมาตรการระหว่างการประชุมในวันพุธหน้า (19 พ.ค.)
โรงเรียนในฮังการีเปิดการเรียนการสอนตามปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. เป็นต้นมา ส่วนร้านค้าและบริการส่วนใหญ่ก็กลับมาเปิดทำการแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้นที่จะสามารถใช้บริการภายในอาคารได้ นอกจากนั้น รัฐบาลฮังการียังอนุญาตให้องค์กรค่ายฤดูร้อนสำหรับเด็กกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้งตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
ทั้งนี้ กุลยาสกล่าวว่ารัฐบาลกำลังเจรจากับหลายประเทศเกี่ยวกับการรับรองเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ร่วมกัน โดยมีบางประเทศที่บรรลุข้อตกลงในลักษณะนี้แล้ว เช่น โครเอเชีย มอนเตเนโก เซอร์เบีย สโลเวเนีย และตุรกี