ชาวบ้านท่าชี เฮ! รอมากว่า 25 ปี มีไฟฟ้าใช้แล้ว ผู้ว่าฯขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือ
สืบเนื่องจาก ชาวบ้านท้องที่หมู่ 4 ต.ท่าชี อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 7 หลังคาเรือน ร้องเรียนไม่มีไฟฟ้าใช้มาเป็นเวลา 25 ปี เนื่องจากอยู่ติดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองทุ่งทอง อ.เคียนซา ซึ่งเป็นพื้นที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงประสานผู้บริหารระดับสูงกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขอความอนุเคราะห์พิจารณาปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อาศัยติดเขตรอยต่อดังกล่าว
โดยกรมอุทยานฯได้มีหนังสืออนุญาตมายังสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ให้มีการขยายเขตไฟฟ้า บริเวณถนนสายนาสาร-ท่าชี-เคียนซา หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.ท่าชี อ.บ้านนาสาร ระยะทาง 630 เมตร
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอบ้านนาสาร พร้อมด้วยผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาบ้านนาสาร ได้ตรวจดูการปักเสาพาดสายไฟฟ้าผ่านข้ามแม่น้ำตาปี จากฝั่ง อ.เคียนซา และเขตห้ามล่าสัตว์หนองทุ่งทอง เข้ามายังพื้นที่ประชาชนฝั่ง ต.ท่าชี ได้สำเร็จแล้ว
โดยเทศบาลตำบลท่าชีได้สนับสนุนติดไฟฟ้าส่องสว่างริมถนนเพื่อความปลอดภัยให้แก่สัตว์ในยามค่ำคืน และให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความสะดวก ส่วนบ้านเรือนชาวบ้านที่เสาไฟฟ้าปักผ่าน ได้ติดตั้งสายไฟฟ้าในบ้านเตรียมเชื่อมเข้าระบบไฟฟ้าต่อไป
ซึ่งชาวบ้านต่างมีความยินดีและดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้มีไฟฟ้าใช้ และขอบคุณนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดำเนินการเดินเรื่องให้จนสำเร็จ และได้มีไฟฟ้าใช้หลังรอคอยมานาน
นายวิชวุทย์กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ และมีความเป็นห่วงลูกหลานที่จะส่งผลต่อการเรียนในอนาคต โดยช่วงหยุดเรียนในสถานการณ์โควิดที่เด็กๆ จะต้องเรียนหนังสือออนไลน์ยากลำบาก จึงประสานกรมอุทยานฯ, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถึงเหตุผลความจำเป็น ซึ่งทางกรมอุทยานฯพิจารณาแล้วว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อสัตว์ป่าระบบนิเวศ และจะยังประโยชน์ต่อทางราชการ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานได้สะดวก ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ รวมทั้งอำนวยความปลอดภัยให้ประชาชนในการสัญจร
นายวิชวุทย์กล่าวว่า ดังนั้น จึงอนุญาตให้ขยายเขตไฟฟ้าผ่านได้ โดยการไฟฟ้าฯได้จัดงบประมาณขยายเขตไฟฟ้าให้ด้วย ซึ่งขอขอบคุณกรมอุทยานแห่งชาติฯ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ที่ร่วมกันช่วยเหลือชาวบ้านครั้งนี้