ทรัมป์ไฟเขียว Nvidia ขายชิป H200 ให้จีน หลังเคยถูกห้ามเด็ดขาด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศอนุญาตให้บริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของโลก สามารถจำหน่ายชิปปัญญาประดิษฐ์รุ่น H200 ให้แก่ ลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติในประเทศจีนได้ โดยทรัมป์โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวานนี้ (8 ธันวาคม) ระบุว่า เราจะปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ สร้างงานให้ชาวอเมริกัน และรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ 

การตัดสินใจดังกล่าวจะครอบคลุมถึงบริษัทชิปสหรัฐฯ รายอื่น เช่น AMD และเกิดขึ้นหลังจากการล็อบบี้อย่างหนักของ เจนเซ่น หวง ซีอีโอ Nvidia ซึ่งเดินทางไปกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อผลักดันนโยบายนี้ 

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Nvidia กลายเป็นศูนย์กลางของแรงดึงทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าวสหรัฐฯ กับจีน และเคยถูกหเามขายชิปขั้นสูงสุดให้ปักกิ่ง ทั้งนี้  ทรัมป์เคยกลับลำยกเลิกคำสั่งห้ามขายชิปให้จีนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กำหนดให้ Nvidia ต้องจ่ายเงิน 15% จากรายได้ในตลาดจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต่อมา จีนมีรายงานว่าสั่งให้บริษัทเทคโนโลยีในประเทศหยุดซื้อชิป Nvidia ที่ผลิตเพื่อใช้ในตลาดจีน 

ชิป H200 ของ Nvidia ถือเป็นชิปที่ล้าหลังชิปรุ่น Blackwell อยู่หนึ่งเจเนเรชัน ซึ่ง Blackwell ถูกมองว่าเป็นชิป AI ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกขณะนี้ ด้าน เจนเซน หวง เคยให้สัมภาษณ์กับ BBC เมื่อเดือนกันยายนว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องทำให้คนทั่วโลก รวมถึงจีน สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ และเตือนซ้ำหลายครั้งว่าจีนกำลังไล่ตามสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดด้านการพัฒนาชิป 

Nvidia ระบุเพิ่มเติมว่า การเปิดขาย H200 ให้ลูกค้าเชิงพาณิชย์ที่ผ่านการตรวจสอบโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เป็นสมดุลที่รอบคอบ และเป็นผลดีต่ออเมริกา ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังมีข่าวนี้ 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์โพสต์ด้วยว่า 25% จะถูกจ่ายให้สหรัฐฯ ด้าน อเล็กซ์ คาปรี อาจารย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ระบุว่า การอนุญาตขายชิป H200 ให้ลูกค้าจีนบางส่วนเป็นการซื้อเวลาให้สหรัฐฯ เจรจากับจีนในประเด็นแร่หายาก และป้องกันความปั่นป่วนครั้งใหญ่ของห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งในเวลานี้ จีนครองสถานะใกล้ผูกขาดในกระบวนการแปรรูปแร่หายากที่มีความจำเป็นต่อการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่

แม้การเข้าถึง H200 จะเป็นประโยชน์ต่อภาคเทคโนโลยีของจีน แต่ปักกิ่งยังคงมุ่งลดการพึ่งพาสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนเคยสั่งให้บริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศปฏิเสธการใช้ชิป H20 รุ่นเก่าของ Nvidia และหันไปใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในประเทศ 

ขณะเดียวกัน นักวิจัยจากศูนย์ CSET มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ระบุว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนกำลังใช้ชิปขั้นสูงที่ออกแบบโดยบริษัทสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางทหารด้วย AI นักวิเคราะห์อาวุโสของ CSET เตือนว่า การทำให้จีนเข้าถึงชิป AI คุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น เท่ากับเปิดทางให้จีนใช้และนำ AI ไปประยุกต์ใช้ทางการทหารได้สะดวกยิ่งขึ้น 

อีกประเด็นที่ทรัมป์ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้ คือการกล่าวหาว่าเม็กซิโกปฏิบัติต่อเกษตรกรอเมริกันอย่างไม่เป็นธรรม และขู่ว่าจะใช้อาวุธทางเศรษฐกิจที่ถนัดที่สุด นั่นก็คือการขึ้นภาษีนำเข้า 

โดยทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ระบุว่า เม็กซิโกละเมิดสนธิสัญญาน้ำกับสหรัฐฯ ส่งผลให้เกษตรกรในรัฐเท็กซัสขาดแคลนน้ำสำหรับเพราะปลูกและเลี้ยงปศุสัตว์ พร้อมประกาศอนุมัติเอกสารเพื่อจัดเก็บภาษี 5% ต่อเม็กซิโก หากไม่ปล่อยน้ำทันที 

สนธิสัญญาที่ทรัมป์อ้างถึงคือ สนธิสัญญาการใช้ประโยชน์น้ำจากแม่น้ำโคโลราโด ติฮัวนา และริโอแกรนด์ โดยต้องได้รับน้ำจากสาขาแม่น้ำริโอแกรนด์เฉลี่ยไม่น้อยกว่าประมาณ 431 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี 

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐฯ กล่าวหาเม็กซิโกอย่างต่อเนื่องว่าไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว คณะกรรมาธิการเขตแดนและน้ำระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ประเมินว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เม็กซิโกส่งมอบน้ำให้สหรัฐฯ ขาดไปถึง 89.9 ล้านลูกบาศก์เมตร และอาจต้องชดเชยในอีก 5 ปีถัดไป ขึ้นอยู่กับการตีความเงื่อนไข “ภัยแล้งรุนแรงเป็นพิเศษ” ที่ไม่ได้ระบุชัดในสนธิสัญญา 

ปัจจุบัน รัฐเท็กซัสเผชิญภาวะแห้งแล้ง เกษตรกรบางส่วนไม่สามารถจัดหาน้ำให้เพียงพอได้ สมาชิกสภานิติบัญญัติท้องถิ่นและสมาชิกรัฐสภาหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา แม้ร่างกฎหมายลงโทษเม็กซิโกจะไม่ผ่านความเห็นชอบ ขณะที่เม็กซิโกเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และหากมีเก็บภาษีเพิ่มมาอีก 5% จะทำให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโกมายังสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเป็น 30% 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า ภาษีดังกล่าวจะมีผลจริงมากน้อยเพียงใด เพราะสินค้าจากเม็กซิโกส่วนใหญ่ยังได้รับการยกเว้นภาษี หากปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรี USMCA (สหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา) ซึ่งข้อตกลงนี้มีกำหนดทบทวนในเดือนกรฎาคม และรัฐบาลทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าอาจปล่อยให้ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้สิ้นสุดลงได้