BROOK เดินหน้าลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี ทะลุ 1,100 ล้านบาท ประกาศมั่นใจในสินทรัพย์ดิจิทัล
ข่าววันนี้ กระแสเงินดิจิทัลมาแรง แม้ว่าราคาคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะบิตคอยน์ ราคาจะปรับฐานลงมาก็ตาม บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกเข้ามาลงทุนในบิตคอยน์กันหลายราย รวมทั้งบมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บริษัทจดทะเบียนแห่งแรกที่ประกาศลงทุนในบิตคอยน์ ซึ่งได้เพิ่มมูลค่าการลงทุนเป็น 1,107 ล้านบาท จาก 205 ล้านบาท ในไตรมาส1 ที่ผ่านมา
นายวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภท บิตคอยน์ โดยทำการบันทึกบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินค้าคงเหลือสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเริ่มลงทุนในไตรมาสที่ 1/64 จำนวน 205 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 2 ได้ลงทุนเพิ่มเติม จำนวน 902 ล้านบาท ทำให้มูลค่ารวมในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลของ Brook ขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 1,107 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกรอบการลงทุนของคณะกรรมการบริษัทฯที่ให้ไว้เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
ทั้งนี้ จากการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทด้านสภาวะแวดล้อมในการลงทุน (Investment Climate) ประเมินความเหมาะสมการลงทุนอยู่ที่ 1,200 ล้านบาทในเฟสแรก โดยการลงทุนในอนาคตคาดว่า จะลงทุนอีก 93 ล้านบาทในเหรียญ และ/หรือ โครงการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2
"บริษัทเข้าลงทุนในบิตคอยน์ราว 200 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดได้เข้าลงทุนเพิ่มจนมีมูลค่าอยู่ที่ 1,107 ล้านบาท ใน Bitcoin, Ethereum, Binance, Uniswap, Enjin, Filecoin และเหรียญอื่นๆ โดยทางบริษัทได้กระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและเพื่อเติบโตไปพร้อมๆกับ Network Digital Asset เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานและจำนวนเงินที่เข้ามาลงทุนในระบบยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายวริศ กล่าว
ขณะที่ ราคาหุ้น BROOK ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากกระแสที่เป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกที่ประกาศลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยราคาปิดภาคเช้าวันนี้ที่ 0.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท (+5.00%) มูลค่าการซื้อขาย 360 ล้านบาท
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้น BROOK พุ่งชนซิลลิ่ง 2 วันซ้อน ทำจุดสูงสุดอีกครั้ง (นิวไฮ) ในรอบ 5 ปี 8 เดือน ที่ราคา 0.96 บาท หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/64 มีกำไรสุทธิ 182.14 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 309 ล้านบาท