..." ทุกคนเคยรู้สึกท้อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือไม่ บางทีเรารู้สึกหมดกำลังใจที่จะทำต่อไป อาจเพราะเราเบื่อ เหนื่อย ขี้เกียจ ไม่ว่าจะเกิดความรู้สึกอะไรก็ตามบางทีเราก็ไม่อยากจะทำมันต่อไปเลย เกิดความคิดขึ้นมาว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับงานนี้หรือไม่เหมาะสมกับสิ่งนี้ จนทำให้เราล้มเลิกที่จะทำมันต่อไปได้ ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนเคยรู้สึกแบบนี้มาบ้าง แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องพยายามอดทนเพื่อทำต่อไป อาจจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายประการที่ทำให้เราต้องทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป ดังนั้นสิ่งที่เราควรฝึกฝนไว้เพื่อรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ก็คือความอดทนนั่นเอง แล้วเราจะฝึกอย่างไรบ้างเราไปดูวิธีฝึกความอดทนกันเลยค่ะ "...1.สร้างแรงบันดาลใจ...การฝึกความอดทนโดยการสร้างแรงบันดาลใจ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากนะทุกคน เพราะแรงบันดาลใจจะช่วยให้เรารู้สึกดีและมีอารมณ์ที่ดีได้ การหาแรงบันดาลใจอาจจะมาจากตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน หรือคนที่เราเคารพนับถือและอยากเป็นเหมือนเขา เราอาจจะเรียนรู้ประสบการณ์จากเขา หรือสิ่งที่เขาทำแล้วประสบความสำเร็จ เป็นต้น หรือการได้รับความรักความห่วงใยจากคนรอบข้าง การได้รับรอยยิ้มและได้พูดคุยกับศิลปินที่ชื่นชอบ การได้อ่านหนังสือที่ชอบ การได้วาดรูปที่ชอบ การได้กินของอร่อย หรือการได้ไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆที่ไม่เคยได้ไปกับเพื่อนหรือกับครอบครัว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี มีผลต่อจิตใจที่สดใส ฮีลใจเราในยามท้อได้ดีเลยทีเดียว...2.คิดบวก...การคิดบวกเป็นสิ่งที่สำคัญมากเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน จะดีบ้างร้ายบ้าง ก็ขอให้เราคิดบวกไว้ก่อน เพื่อเป็นการฝึกจิตใจให้ดีก่อน ถ้าเราคิดลบจะทำให้จิตใจของเราว้าวุ่น หรือวุ่นวายจนทำให้ใจเราไม่นิ่งและไม่มีความสุข ดังนั้นเราควรฝึกคิดบวกนะคะ ซึ่งการคิดบวกในที่นี้คือการคิดถึงหลักความเป็นจริง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเราก็จะคิดหาทางออกและหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นได้ เมื่อเราคิดบวกเราก็จะมองเห็นโอกาสในปัญหาเหล่านั้นได้ เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ การคิดบวกจึงเป็นการฝึกความอดทนอีกวิธีหนึ่งที่ทุกคนควรลองนำไปใช้ดูนะคะ...3.ตั้งความหวังและเป้าหมาย...วิธีนี้คือการสร้างความหวังว่าเราต้องทำได้ ต้องลงมือทำ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องทำ การฝึกความอดทนด้วยวิธีนี้ ถ้ารเรามีความหวังและมีเป้าหมาย ถึงแม้เราจะเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีจนท้อกับสิ่งที่เราทำนั้น เราควรคิดเสมอว่า เราทำเพราะอะไร ทำเพื่ออะไร เราทำแล้วเราจะได้อะไร ยกตัวอย่างเช่น เราอยากสอบเป็นหมอ หรือสอบเป็นทนายความก็ตาม แต่เราท้อกับการอ่านหนังสือ เครียด สอบไม่ผ่าน อ่านไม่เข้าใจ เป็นต้น เราต้องไม่ปล่อยให้ความคิดเหล่านี้มาทำลายเป้าหมายของการเป็นหมอหรือการเป็นทนายความของเราได้น๊า เมื่อเราเรียนรู้วิธีสร้างแรงบันดาลใจ และคิดบวก ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จะต้องมีวันที่เราประสบความสำเร็จไปถึงเป้าหมายที่เราหวังไว้ได้อย่างแน่นอนค่ะ ผู้เขียนคิดเช่นนั้น...4.ไม่โทษตัวเอง...วิธีนี้ก็สำคัญอีกเช่นกัน การไม่โทษตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรานะคะ ในเวลาที่เราท้อพยายามอย่าโทษตัวเองว่าไม่เก่งอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เขาทำแล้วประสบความสำเร็จในตอนนี้ บางทีพวกเขาเหล่านั้นผ่านอะไรมาบ้างเราก็ไม่รู้ เราจงเรียนรู้ความสำเร็จของเขาและวิธีการทำงานจากเขา เพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพของตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้แบบเขา " ดังนั้นตนควรเป็นที่พึ่งแห่งตนนะคะทุกคน "ถึงแม้จะไม่มีใครคอยปลอบเราในเวลาที่เราท้อ ก็อย่าลืมนึกถึงตัวเองให้มาก เพราะตัวเราคือทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดน๊า รักตัวเองให้มากๆ ให้กำลังใจตัวเองบ้าง เพราะตัวเราเป็นของเรา และคนที่จะอยู่กับเราได้ตลอดชีวิตก็คือตัวเรานะ อย่าโทษตัวเองเลยน๊า...5.ยอมรับความเป็นจริง...การยอมรับความเป็นจริงคือการมองโลกตามความเป็นจริงไม้เพ้อไม่ฝันจนเกินไป เราควรคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุและผล ทุกคนเคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่ เป็นประโยคที่ว่า " แม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ " เพราะฉะนั้นแล้วมนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมความแตกต่างไม่ว่าจะเป็น รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ ฐานะครอบครัว เพศ ล้วนแล้วแต่เลือกไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่เราเลือกได้และสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นคนเลือก เช่น ฐานะ อาชีพ รูปร่างหน้าตา หรือแม้กระทั่งเรื่องเพศเราก็สามารถเลือกได้เช่นเดียวกันจากการกระทำของเรา แม้จะไม่สมบูรณ์แบในทุกๆอย่าง แต่เราก็พอใจและมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นได้ การยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆที่เราพบเจอ จะทำให้เรามองโลกตามความเป็นจริงและเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นวิธีฝึกความอดทนโดยการยอมรับความเป็นจริงวิธีนี้ก็สำคัญนะคะทุกคนลองไปฝึกกันดูน๊า......" เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถทำได้จริงแม้ว่าความอดทนของแต่ละคนมีความจำกัดก็ตาม ถ้าเรามีเป้าหมาย มีแรงบันดาลใจ คิดบวก ไม่โทษตัวเอง มองโลกตามความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าระหว่างทางก่อนที่เราจะไปถึงเป้าหมายเราอาจจะพบเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี รู้สึกท้อ รู้สึกเหนื่อย หมดกำลังใจก็ตาม ให้เราคิดเสมอว่านั่นก็คืออารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามธรรมดาของมนุษย์ เราสามารถระบายอารมณ์โดยการหากิจกรรมที่เราชื่นชอบ กินอาหารอร่อย ไปเที่ยว ไปคอนเสิร์ตศิลปิน หรือ ดูรายการตลก เป็นต้น อารมณ์เหล่านั้นก็จะหายไปได้ และนี่ก็คือการฝึกความอดทนในแบบของผู้เขียน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้รับแนวคิดและวิธีการดีๆมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตได้นะคะ พบกันใหม่ในบทความหน้าสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ "...เครดิต1. ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดโดย Masukaza (เจ้าของบทความ)2. ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดออกแบบโดย Canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !