TNPยอดโค้งท้ายเด่น โบรกอัพกำไร194ล้าน

ทันหุ้น – “อมร พุฒิพิริยะ” แม่ทัพหญิง TNP ลั่นไฮซีซันดันยอดโค้งท้าย แถมโครงการรัฐกระตุ้น เชื่องบ Q4 โตเป็นตัวเลขสองหลัก โกยมาร์จิ้นเพิ่ม ค้าปลีกหนุน คาดยอดขายปีนี้ทะลุ 20% ใส่เกียร์ผุดสาขาใหม่ 2 แห่ง ลุยบริการท้ายปี ด้านโบรกดีดลูกคิด ปรับเพิ่มกำไรขึ้น 10% แตะ 194 ล้านบาท แนะ “ซื้อ” ส่องเป้า 6.70 บาท
ภญ.อมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า คาดทิศทางธุรกิจและผลประกอบการไตรมาส 4/2564 จะเป็นไตรมาสที่ดีอีกไตรมาสหนึ่ง เพราะเป็นไฮซีซันการท่องเที่ยว และผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างมาก ประกอบกับภาครัฐออกโครงการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้บริโภครอบใหม่ เช่น โครงการคนละครึ่ง ทำให้ร้านปลีกซื้อสินค้าไปจำหน่าย และส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
** ยอดไตรมาส 4 พีค
ทั้งนี้ยอดขายสัปดาห์แรกของไตรมาส 4/2564 มียอดขายที่ดี และเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้บริษัทคาดผลประกอบการไตรมาส 4/2564 จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก จากเดิมตั้งเป้าโตเพียงหลักเดียว อย่างไรก็ดีจากทิศทางยอดขาย 9 เดือน บริษัทมั่นใจยอดขายทั้งปี 2564 จะเติบโตได้เกินเป้า 20% ขณะที่อัตรากำไร (มาร์จิ้น) มีแนวโน้มเติบโตสูง เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับยอดขาย
“มาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการที่ดี และการขายสินค้าที่เป็นค้าปลีกมีมาร์จิ้นสูงกว่าการขายส่ง ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยผู้บริโภคกลับมีความคล่องตัวมากขึ้น หลังจากได้รับการสนับสนุนจากโครงการภาครัฐ” ภญ.อมร กล่าว
ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง จากปัจจุบันมีสาขาให้บริการทั้งสิ้น 36 แห่ง โดยจะเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมตามลำดับ ทั้งนี้ทิศทางการเติบโตสาขาเดิม หรือ SSSGยังเติบโตได้ดีอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน
** ส่องเป้า 6.70 บ.
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS แนะนำ “ซื้อ” TNP ราคาเหมาะสม 6.70 บาท ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2564 ขึ้น 10% สู่ 194 ล้านบาท +45%YoY โดยผลประกอบการช่วงไตรมาส 3-4/2564 จะดีขึ้นรายไตรมาสตามลำดับ : โดยคาดรายได้ช่วงไตรมาส 3-4/2564 จะดีขึ้นรายไตรมาสตามลำดับ ได้ผลบวกจากมาตรการภาครัฐ 2 รายการ คือ 1. การเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการ 200 บาท สู่ 400-500 บาทต่อคนต่อเดือน
และ 2. “คนละครึ่งเฟส 3 รอบ 1 และ 2” วงเงินรอบละ 1,500 บาท ประกอบกับแผนการเปิดอีก 3 สาขาในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งแบ่งเป็นช่วง 3Q/2564 จำนวน 1 สาขา และ 4Q/2564 จำนวน 2 สาขา ขณะที่ เปอร์เซ็นต์ GPM ในช่วง 2H/2564 จะปรับเป็นฐานใหม่สูงขึ้นมาที่ระดับ 17.9% เท่ากับไตรมาส 2/2564ส่งผลให้ เปอร์เซ็นต์ GPM ทั้งปี 2564จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 17.4% จากเดิมคาดที่ระดับ 16.3% ส่งผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้น 10% สู่ 194 ล้านบาท +45%YoY
** เป้าหมาย 6.70 บาท
ส่วนปี 2565 บริษัทคงเป้าแผนการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขา ในแถบ 3 จังหวัดเดิม คือ เชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา โดยคงคาดการณ์รายได้ปี 2565 ราว 2,815 ล้านบาท +7%YoY แต่ปรับ เปอร์เซ็นต์ GPM ขึ้นสู่ระดับ 17.9%จากเดิม 16.3% ส่งผลให้ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 20% สู่ 221 ล้านบาท+14%YoY
ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” และเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2564 สู่ 6.70 บาท จากเดิม 6 บาท จากการปรับกำไรสุทธิต่อหุ้นขึ้นสู่ 0.24 บาทต่อหุ้น จากเดิม 0.22 บาทต่อหุ้น โดยคงระดับ Prospective PER ที่ 27.5x (3Yr Avg+1.25SD) ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 32x ส่งผลให้ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ”