สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน ในช่วงเดือนนี้ก็ได้เริ่มเข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว หลายๆ ที่ก็คงที่จะเริ่มมีฝนตกลงกันมาบ้างในบางแห่ง หลังจากที่ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาก็ร้อนกันมานานพอสมควร หากใครที่กำลังมองหาวิธีที่จะดูแลตัวเองในช่วงหน้าฝนนี้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บไข้ได้ป่วย พร้อมใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขและมีสุขภาพที่ดี งั้นในเนื้อหานี้เราจะมาแชร์ถึง 8 วิธีในการต่อสู้ รับมือ และดูแลตัวเองต้อนรับกับ "หน้าฝน" เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงจะต้องได้นำไปใช้จริงๆ ในสักวันอย่างแน่นอนเมื่อถึงช่วงฤดูฝนแบบนี้ จะมีอะไรกันบ้างเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปอ่านกันเลยครับ หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้เป็นเพียงการรีวิวจากประสบการณ์ส่วนตัวของตัวผู้เขียนเองโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการให้ความรู้และประสบการณ์แก่เหล่าผู้อ่าน รูปภาพทั้งหมดเป็นเพียงรูปภาพที่ผู้เขียนได้ทำการออกแบบขึ้นมาเอง เพื่อนำมาใช้ประกอบเนื้อหาเท่านั้น ไม่ใช่ภาพจริงๆ แต่อย่างใด หากผิดพลาดแต่ประการใด ทางผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ 1. พกร่ม หมวก เสื้อกันฝนติดตัวทุกครั้งที่ออกจากบ้านเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความจำเป็นต้องออกไปข้างนอกในช่วงหน้าฝนพอดี ไม่ว่าเราจะออกไปทำงาน ออกไปทำธุระ หรือออกไปซื้อของใช้ที่มีความจำเป็น สิ่งที่เราต้องพกติดตัวไปด้วยทุกๆ ครั้งเช่นร่ม หมวก หรือเสื้อกันฝน ซึ่งสิ่งเหล่านี้แทบจะขาดไม่ได้เลย เพราะมันจะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเราโดนฝน จนร่างกายต้องเปียกปอนและทำให้เกิดความชื้นจนเป็นไข้ แต่อาจจะโดนบ้างเล็กน้อย ดังนั้นอย่าลืมพกสิ่งเหล่านี้ติดตัวกันด้วยนะแชร์ประสบการณ์ : เราเคยออกไปทำงานแล้วตอนนั้นก็อยู่ในช่วงหน้าฝนพอดี เราก็เลยจำเป็นต้องพกร่มที่เป็นร่มคันเล็กๆ แบบพับเก็บได้ใส่ในกระเป๋าทุกครั้ง และยังมีเสื้อกันฝนติดรถไปด้วย ส่วนหมวกก็จะมีติดตัวไปบ้างเผื่อใช้ในเวลาจำเป็น เพื่อเป็นการรับมือในช่วงหน้าฝน ไม่ให้เราโดนฝนง่ายๆ แต่อาจจะมีโดนบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด 2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอการนอนหลับถือเป็นอีก 1 สิ่งหลักๆ ที่เราทุกคนพึงปฏิบัติกันเป็นประจำกันอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อถึงช่วงหน้าฝนแบบนี้ก็ยิ่งต้องนอนหลับพักผ่อนให้มากๆ สักประมาณ 6-8 ชม. ก็ยังดี เพื่อที่ร่างกายจะได้ฟื้นฟูและก็เป็นการชาร์จพลังงานให้ร่างกายไปในตัวด้วย ทำให้ร่างกายเกิดความสดชื่น กระชุ่มกระชวย แถมยังดูอ่อนกว่าวัย ห้ามนอนดึกเป็นอันขาดแชร์ประสบการณ์ : ก็ยอมรับว่าเราเองก็เป็นคนที่ชอบนอนดึกอย่างมาก ก่อนจะนอนทีนึงนี่คือต้องเปิดเพลงฟังหรือไม่ก็ดูวิดีโอ ไม่เช่นนั้นจะนอนไม่หลับแน่ แต่เมื่อถึงช่วงที่อากาศมันเริ่มเปลี่ยน ร่างกายมันก็เหมือนจะป่วยไม่สบายขึ้น เราจึงนอนพักผ่อนเร็วขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวเร็ว เราตื่นเช้าขึ้นมันก็รู้สึกสดชื่น ร่างกายมันก็หายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เพราะมันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาไม่ได้เป็นอะไรมากนัก 3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเขาว่ากันว่าการออกกำลังเป็นยาวิเศษ ทำให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง กระฉับกระเฉง เราควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สักประมาณวันละ 30 นาทีก็ยังดี ไม่จำเป็นต้องออกทุกวันก็ได้ แค่ออกวันละนิดวันละหน่อยพอ เพราะถ้าขืนหักโหมมากจนเกินไปร่างกายก็อาจจะทรุดลงได้เช่นกันแชร์ประสบการณ์ : เราแทบจะไม่เคยได้ไปออกกำลังกายข้างนอกเลย บางครั้งก็ติดภารกิจบ้าง บางครั้งก็ฝนตกบ้าง บางครั้งก็ขี้เกียจบ้าง (55555) แต่ในขณะที่เราอยู่ที่บ้านเราก็สามารถทำพวกงานบ้านต่างๆ เช่นกวาดขยะ ยกสิ่งของ ทำความสะอาดของใช้ภายในบ้าน เป็นต้น ซึ่งนี่ก็ถือเป็นการออกกำลังกายในอีกรูปแบบหนึ่ง มันช่วยบริหารแขน ขา และลำตัว ยังดีกว่านั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ โดยที่ร่างกายไม่ได้มีการขยับเขยื้อนเลย 4. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆอาหารทุกจานจำเป็นต้องผ่านกระบวนการปรุงสุก ยิ่งเมื่อถึงช่วงหน้าฝนแล้วเรื่องอาหารการกินก็สำคัญนะ การทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ จะช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ไม่เกิดอาหารเป็นพิษหรือปวดท้องได้ ดังนั้นทันที่อาหารได้มาจัดเสิร์ฟถึงโต๊ะแล้วอย่ารีรอให้มันเย็นหมดนะ ควรทานได้เลยทันที ทานอาหารร้อนๆ มันจะอร่อยกว่าเยอะเลยแชร์ประสบการณ์ : สำหรับเราแล้วอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ที่ได้ผ่านกรรมวิธีมาแล้วนั้น เวลาที่เราได้ทานเข้าไปแล้วมันรู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ปล่อยให้มันเย็น ทันทีที่อาหารได้ทำเสร็จแล้วถูกจัดเสิร์ฟถึงโต็ะเราก็ไม่รีรอที่จะทานมัน ถ้าหากปล่อยให้มันเย็นและอืดจนเกินไป มันก็ส่งผลทำให้เราปวดท้อง จนต้องลุกไปเข้าห้องน้ำหลายรอบ ซึ่งเราเองก็เคยเป็นมาแล้วเช่นกัน 5. ดื่มน้ำให้มากๆ เป็นประจำนี่ก็เป็นอีก 1 สิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด และมันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ดื่มน้ำทีละนิดร่างกายสดชื่น แค่วันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยรักษาสมดุลร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี หากร่างกายของเราขาดน้ำแม้แต่ครั้งเดียว ร่างกายจะอ่อนแรงลง ขับถ่ายได้ยากลำบาก และเจ็บป่วยง่ายขึ้นแชร์ประสบการณ์ : เราเป็นคนที่ดื่มน้ำแทบจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่เราก็จะค่อยๆ ทยอยดื่มไปทีละนิดเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ดื่มแบบรวดเดียวจบนะ แบบนี้แย่กันพอดี การดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ มันช่วยให้เราสดชื่นขึ้น มีสุขภาพดี แถมยังช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายได้ดี สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ ไม่ว่าร่างกายเราจะปกติดีหรือว่าป่วยอยู่ก็ตามเราก็ยังต้องดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งดื่มมากเท่าไหร่ร่างกายก็ยิ่งห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บมากเท่านั้น 6. เตรียมยารักษาโรคไว้ให้พร้อมแน่นอนว่าเมื่อสภาพอากาศมันเปลี่ยน ร่างกายคนเรามันก็ปรับตัวเองไม่ทัน ช่วงหน้าร้อนเราอาจจะปกติดีไม่ได้เป็นอะไร แต่พอถึงช่วงหน้าฝนนี่สิโรคภัยก็ถามหาทันที เจ็บไข้ได้ป่วยกันยกใหญ่ ทางแก้ก็คือควรเตรียมยารักษาโรคเอาไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวด ยาลดไข้ เป็นต้น เมื่อไหร่ที่เป็นไข้จะได้หยิบขึ้นมากินได้ทัน แต่ถ้ากินยาแล้วไม่หายแนะนำว่าให้รีบไปหาหมอทันทีแชร์ประสบการณ์ : ทันทีที่ถึงในช่วงหน้าฝน พวกยารักษาโรคก็จำเป็นอย่างมาก ควรจะมีติดบ้านไว้ตลอด โดยเฉพาะพวกยาแก้ไข้ ยาแก้ปวดต่างๆ แทบจะไม่ให้ขาดเลย เพราะในแต่ละครั้งที่เราเจ็บไข้ไม่สบาย รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย ถ้าหากมันเป็นแค่ไข้หวัดทั่วไปเราก็สามารถกินยาแก้ปวด / ลดไข้ได้ กินเสร็จแล้วนอนเลย ควรหยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วพักผ่อน ให้ร่างกายได้หายไวๆ 7. หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่อับชื้นและมีน้ำขังในช่วงที่มีฝนตกหนัก แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่อับชื้นหรือในบริเวณที่มีน้ำขัง เพราะในนั้นมันจะมีเชื้อโรคหรือมีปรสิตแฝงอยู่ เช่นพยาธิ ปลิง งูเงี้ยวเขี้ยวขอ หรือสัตว์มีพิษต่างๆ เป็นต้น ส่งผลทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ ตามมามากมาย บางครั้งก็อาจถึงแก่ชีวิตก็มีเหมือนกัน ดังนั้นทางแก้ก็คือหาที่ที่คิดว่าไม่อับชื้นและก็ไม่มีน้ำขังจะดีที่สุดแชร์ประสบการณ์ : ครั้งหนึ่งเราเคยใส่รองเท้าแล้วเดินลุยน้ำในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ผลปรากฎว่าพอเวลาผ่านไปสักพักก็เริ่มมีอาการคันตามบริเวณข้อเท้า ซึ่งสาเหตุก็คาดว่าน่าจะมาจากการติดเชื้อ เราจึงรีบหายาแก้คันมาทา ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่ามันจะดีขึ้น และในกรณีที่ร่างกายเราไปเปียกฝนจากข้างนอกมา เมื่อกลับถึงบ้างเราจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เพราะถึงปล่อยไว้แบบนี้มีหวังเราเจ็บป่วยแน่นอน เราไม่รู้เลยว่าในน้ำฝนนั้นมันมีเชื้อโรคอะไรปะปนอยู่บ้าง 8. ทำสภาพจิตใจให้พร้อมรับมือกับทุกปัญหาเรื่องของสภาพจิตใจก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดฝนตก สิ่งที่เราควรทำคือตั้งสติ ทำสมาธิเพื่อให้สภาพจิตใจสงบเย็นลง เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทุกปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในช่วงหน้าฝนนี้ หากเราใจร้อนปัญหาก็จะยิ่งใหญ่โตมากขึ้นและมันก็ไม่จบไม่สิ้น แม้กระทั่งในวันเราเจ็บไข้ได้ป่วย การทำสมาธิจะช่วยให้สภาพจิตใจเบาลง และอาการเจ็บป่วยก็จะค่อยๆ ทุเลาเรื่อยๆ และจะหายป่วยได้เร็วขึ้นแชร์ประสบการณ์ : เคยมีครั้งหนึ่งก่อนที่เราจะออกไปทำงาน แล้วเผอิญว่าช่วงนั้นเกิดฝนตกพอดี เราเองก็ต้องรีบไปทำงานซะด้วยเดี๋ยวจะโดนตำหนิอีก มันก็เลยเกิดความโมโห หัวร้อนทันที แต่เราก็ตั้งสติได้ แล้วคิดเสียว่ามันเป็นเรื่องปกติของชีวิต คือเราไปห้ามฟ้าห้ามฝนไม่ได้อยู่แล้ว มันนึกจะต้องตอนไหนมันก็ตก มันไม่เคยบอกเราล่วงหน้า เราทำได้แค่ตั้งสติแล้วดำเนินชีวิตต่อไปถึงแม้ฝนมันจะตกก็ตาม ตอนที่เราป่วยก้เช่นกันเราก็คิดกังวลกับตัวเองว่ามันจะหายเมื่อไหร่ แต่ยิ่งกังวลสภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลง แล้วอาการป่วยมันก็ไม่หายสักที สิ่งที่เราพอจะทำได้คือทานข้าวและทานยา แล้วก็นอนหลับพักผ่อนให้เยอะๆ ไม่ต้องไปคิดหรือกังวลอะไรมาก แล้วพอตื่นเช้ามาร่างกายเราก็ค่อยๆ ฟื้นตัวและหายกลับเป็นปกติเหมือนเดิม ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาของเราในวันนี้ ก็ลองวิธีที่กล่าวมาไปลองปรับใช้กันดูนะ หวังว่าจะประโยชน์กับทุกๆ คนได้ไม่มากก็น้อยนะครับ ในช่วงหน้าฝนนี้ทุกๆ คนก็อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองกันด้วยนะ เพื่อที่จะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยกัน ขอให้ทุกคนโชคดี มีสุขภาพที่แข็งแรงนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าครับ ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านครับ เครดิตรูปภาพหน้าปกและภาพประกอบทั้งหมดออกแบบโดย : AloneLife (ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !