"ทรัมป์" ปลุกผีเหยียดจีน จับอนาคตชาติเป็นเดิมพัน ปิดประตู "นักศึกษาจีน" เรียนต่อในสหรัฐฯ

ทรัมป์ กำลังปลุกการเหยียดจีนครั้งใหม่หรือไม่ และรอบนี้ เสมือนจับอนาคตของชาติจีน เป็นตัวประกัน จากนโยบายที่พุ่งเป้าเยาวชนและคนรุ่นใหม่จีนโดยตรง

"สหรัฐฯ ไร้เหตุผลสิ้นดี"

 "ทรัมป์ ทำเกินไปแล้ว"

 "ภาพลักษณ์อเมริกาตอนนี้แย่มาก"

"พอกันที เรียนในอเมริกา แพงก็แพง ไปที่อื่นดีกว่า" 

นี่เป็นเหตุผลเพียงส่วนหนึ่งของนักศึกษาชาวจีน หลังรัฐบาลทรัมป์ไม่เพียง ระงับการสัมภาษณ์วีซ่าของนักศึกษาต่างชาติ ที่ต้องการเข้าไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ 

แต่ยังพุ่งเป้าไปที่นักศึกษาชาวจีนโดยตรง ด้วยเหตุผลว่า สหรัฐฯ จะไม่เป็นนั่งร้านใน บุคคลที่เชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือมาเรียนในสาขาที่สำคัญ

และมันเริ่มกระทบแบบจริงจังแล้ว  

บีบีซีบอกเล่าเรื่องราวของนักศึกษาคนหนึ่ง เธอไปสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเซี่ยงไฮ้ เพื่อสัมภาษณ์วีซ่า เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังคำขู่จะยกเลิกวีซ่านักศึกษาจีน 

เธออยากไปเรียนด้านนิเทศน์ที่มหาวิทยาลัยในมิชิแกน การสัมภาษณ์ก็ดูเป็นไปด้วยดี แต่ท้ายสุด เธอถูกปฏิเสธวีซ่า โดยไม่ให้เหตุผล ทั้ง ๆ ที่มหาวิทยาลัยปลางทาง ออกเอกสารตอบรับเธอแล้ว

และดูเหมือนแค่การเป็นนักศึกษาจีน ก็ผิดแล้วในสายตารัฐบาลทรัมป์ เสี่ยงถูกใช้เหตุผลเชื่อมโยงพรรคคอมมิวนิสต์ ถูกจับจ้องว่า มาเรียนอเมริกา เพื่อขโมยองค์ความรู้กลับประเทศ  

และแม้จะได้วีซ่า นักศึกษาจีนก็มองว่า อาจไม่พอ เพราะเกรงว่า เมื่อเดินทางไปถึง จะถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหยุด และส่งกลับประเทศได้อีก 

จากนักศึกษาต่างประเทศในสหรัฐฯ กว่า 1.13 ล้านคน นักศึกษาจีนมีมากถึง 277,398 คน หรือคิดเป็น 24.5%  

บางมหาวิทยาลัย นักศึกษาจีนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของนักศึกษาต่างชาติเลยทีเดียว อาทิ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน นักศึกษาจีนคิดเป็น 46.8% ส่วนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก นักศึกษาจีนคิดเป็น 51.6% 

และอันที่จริง นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้ นำรายได้มหาศาลเข้ามาในสหรัฐฯ เพราะหากคิดว่า นักศึกษาต่างชาติ นำเงินเข้าระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ 1.43 ล้านล้านบาท ในปีการศึกษา 2023-2024 หรือเฉลี่ย นักศึกษา 1 คน นำเงินเข้าสหรัฐฯ 1.3 ล้านบาท 

นั่นหมายความว่า นักศึกษาจีน 277,398 คน สร้างเงินให้สหรัฐฯ ถึง 360,617 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว  

ไม่ว่าผลลัพธ์ของนโยบายนี้ จะเป็นอย่างไร แต่เริ่มมีนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะจีนจำนวนไม่น้อย ช้ำใจ เสียใจ รู้สึกคิดผิด ที่สมัครเรียน ฝากอนาคตไปที่สหรัฐฯ และชี้ว่า พวกเขาน่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่นนอกสหรัฐฯ เสียดีกว่า