10 จุดที่ควรมีพรมเช็ดเท้า และทำความสะอาดสม่ำเสมอ มีอะไรบ้าง อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจมองว่าพรมเช็ดเท้าเป็นเพียงของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ที่วางไว้หน้าห้องน้ำหรือประตูบ้าน แต่ความจริงแล้วพรมเช็ดเท้าเป็นด่านป้องกันสิ่งสกปรกที่มีบทบาทมากกว่าที่คิดค่ะ เพราะพรมที่วางในตำแหน่งที่เหมาะสมสามารถช่วยดักฝุ่น เศษดิน และคราบน้ำจากเท้าหรือรองเท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บ้านของเราสะอาดได้นานขึ้น ลดปัญหาคราบเลอะบนพื้น และช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดบ้าน นอกจากนี้พรมยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการลื่นล้มในพื้นที่เสี่ยงเปียกชื้น เช่น หน้าห้องน้ำ หรือบริเวณซิงก์ล้างจาน การมีพรมในบ้านจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงาม แต่เป็นการดูแลสุขอนามัยของทุกคนในบ้านไปพร้อมกัน พรมที่สะอาดและถูกเลือกให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ยังช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่และรู้สึกสบายมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากพรมไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่น เชื้อรา และสิ่งสกปรกได้ง่าย ดังนั้นการรู้ว่าควรวางพรมตรงไหนบ้าง และใส่ใจดูแลให้สะอาดจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ และในบทความนี้เราจะมารู้กันว่า 10 จุดที่ควรมีพรมเช็ดเท้า พร้อมเหตุผลและวิธีดูแลให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อให้บ้านของเราสวยงาม ปลอดภัย และสะอาดได้ทุกวัน กับข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. หน้าห้องนอน การวางพรมเช็ดเท้าหน้าห้องนอน เป็นจุดสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม เพราะพื้นที่นี้คือด่านแรกก่อนที่เราจะก้าวเข้าสู่ห้องพักผ่อนของเรา พรมที่อยู่หน้าห้องนอนจะทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละออง เศษดิน หรือสิ่งสกปรกเล็กๆ ที่ติดมากับเท้าและรองเท้า จึงช่วยไม่ให้สิ่งเหล่านี้เข้าสู่ห้องนอน ที่ควรสะอาดและปลอดฝุ่นมากที่สุด การเลือกพรมที่มีสัมผัสนุ่มสบายและเข้ากับบรรยากาศห้อง ยังทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายก่อนนอนได้ค่ะ และเพื่อให้พื้นที่หน้าห้องนอนคงความสะอาด พรมควรถูกดูดฝุ่นหรือซักอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและไรฝุ่นที่อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ การตากพรมให้แห้งสนิทกลางแดดจะช่วยลดกลิ่นอับและยืดอายุการใช้งานได้ดี นอกจากนี้การเลือกใช้พรมที่สามารถถอดซักง่ายและทำจากวัสดุที่แห้งไว จะช่วยให้ดูแลรักษาได้สะดวกและคงความสะอาดได้ตลอดเวลาค่ะ 2. หน้าประตูทางเข้าบ้าน คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การวางพรมเช็ดเท้าหน้าประตูทางเข้าบ้าน ถือเป็นด่านป้องกันสิ่งสกปรกที่สำคัญที่สุด เพราะพื้นที่นี้คือจุดที่ทุกคนต้องเดินผ่านก่อนเข้าบ้าน พรมที่ใช้ควรมีความหนาและมีคุณสมบัติดักฝุ่น โคลน หรือสิ่งสกปรกที่ติดมากับรองเท้าได้ดี ช่วยลดปริมาณสิ่งสกปรกที่จะเข้าสู่พื้นที่ภายในบ้าน และทำให้การทำความสะอาดพื้นในบ้านง่ายขึ้น ควรเลือกพรมที่มีขนาดกว้างพอให้สามารถเช็ดเท้าทั้งสองข้างได้อย่างทั่วถึงก่อนก้าวเข้าบ้าน การดูแลพรมบริเวณนี้ควรทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยการเคาะฝุ่นออกและซักล้างด้วยน้ำผสมสบู่อ่อนๆ เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก ควรตากให้แห้งสนิททุกครั้งก่อนนำกลับมาใช้ เพื่อป้องกันกลิ่นอับและเชื้อรา การเลือกพรมที่มีแผ่นกันลื่นด้านล่างยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย โดยเฉพาะในวันที่ฝนตกหรือพื้นที่ชื้นซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นล้มได้ง่ายค่ะ 3. หน้าห้องน้ำ ทุกคนรู้ไหมว่า การมีพรมเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาความสะอาดของพื้นบ้านและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ดี เพราะน้ำจากการอาบหรือการใช้งานในห้องน้ำมักหยดออกมาและทำให้พื้นบริเวณใกล้เคียงลื่น พรมที่ใช้ตรงนี้ควรเป็นแบบซับน้ำได้ดี มีแผ่นรองกันลื่นด้านล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้พรมเลื่อนขณะเหยียบ การเลือกพรมที่มีขนาดพอดีกับความกว้างของประตูห้องน้ำ จะทำให้เช็ดเท้าได้ทั่วถึงก่อนก้าวออกไปยังพื้นที่อื่นของบ้าน การดูแลพรมหน้าห้องน้ำควรทำความสะอาดบ่อยกว่าพรมในพื้นที่อื่น เนื่องจากเป็นจุดที่เปียกชื้นง่าย ควรซักล้างอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และตากแดดจนแห้งสนิทเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา การเลือกพรมที่ทำจากวัสดุที่แห้งไวและทนต่อการซักบ่อย จะช่วยให้คงประสิทธิภาพในการใช้งานได้นาน พร้อมทั้งทำให้บริเวณหน้าห้องน้ำสะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้านนะคะ 4. หน้าประตูหลังบ้าน รู้ไหมคะว่า การวางพรมเช็ดเท้าหน้าประตูหลังบ้าน เป็นจุดที่หลายบ้านมักมองข้าม แต่ความจริงแล้วสำคัญมากๆ เพราะพื้นที่หลังบ้านมักเชื่อมต่อกับสวน พื้นที่ซักล้าง หรือครัวนอกบ้าน ทำให้เรามีโอกาสนำดิน โคลน และน้ำกลับเข้ามาภายในบ้านได้โดยไม่รู้ตัว พรมในจุดนี้ควรเป็นแบบที่ทนแดด ทนฝน และมีพื้นผิวหยาบเล็กน้อย เพื่อช่วยขัดและดักสิ่งสกปรกที่ติดมากับรองเท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลพรมบริเวณนี้ควรทำบ่อย โดยเฉพาะในฤดูฝนหรือวันที่มีกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น รดน้ำต้นไม้ หรือซักผ้า ควรล้างพรมด้วยน้ำและสบู่อ่อนๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และตากให้แห้งสนิทก่อนนำกลับมาใช้ เพื่อป้องกันกลิ่นอับและเชื้อราที่เกิดจากความชื้น ซึ่งการมีพรมสำรองเพื่อสลับใช้ระหว่างรอตากให้แห้ง จะช่วยให้เรามีพรมสะอาดใช้อยู่เสมอ และทำให้บ้านดูเรียบร้อยทุกครั้งที่เดินเข้ามาค่ะ 5. หน้าห้องครัว การวางพรมเช็ดเท้าหน้าห้องครัวเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสะอาด และระเบียบตั้งแต่ก้าวแรกที่เราจะเข้าไปทำอาหารค่ะ เพราะห้องครัวเป็นพื้นที่ที่เรามักเดินเข้าออกหลายครั้งต่อวัน ทั้งเวลาหยิบวัตถุดิบ เตรียมอาหาร หรือเก็บจานหลังรับประทาน ทำให้มีโอกาสพาสิ่งสกปรก ฝุ่น หรือเศษดินจากรองเท้าเข้ามาได้ง่าย พรมที่วางตรงจุดนี้จึงทำหน้าที่เหมือนตัวกรองสิ่งสกปรกก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่ทำอาหาร ควรเลือกพรมที่มีพื้นผิวที่สามารถดักฝุ่นได้ดี วัสดุไม่ลื่น และไม่อมคราบน้ำมันหรือน้ำจนเกิดกลิ่นอับ สีที่เข้ากับพื้นหรือโทนเข้มจะช่วยให้ดูสะอาดและกลมกลืนไปกับการตกแต่งห้องครัว สำหรับการดูแลรักษาพรมหน้าห้องครัว เราควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากบ้านเราทำอาหารบ่อย โดยเริ่มจากการเขย่าหรือดูดฝุ่นออกก่อน แล้วซักด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ เพื่อขจัดคราบน้ำมันและสิ่งสกปรกที่สะสม การล้างให้สะอาดและตากแดดจนแห้งสนิท ก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อราค่ะ หากพรมเริ่มเสื่อมสภาพหรือซักแล้วไม่สะอาดเหมือนเดิม ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อคงสุขอนามัยในพื้นที่ครัวให้ดีอยู่เสมอ การใส่ใจในจุดเล็กๆ อย่างหน้าห้องครัว จะทำให้ทั้งบ้านดูสะอาดเป็นระเบียบ และทำให้เรารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เข้าครัวนะคะ 6. ในห้องน้ำหน้าฝักบัวหรืออ่างอาบน้ำ การวางพรมเช็ดเท้าบริเวณหน้าฝักบัวหรืออ่างอาบน้ำ ก็เป็นจุดสำคัญที่ช่วยป้องกันการลื่นล้มหลังอาบน้ำเสร็จค่ะ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มักเปียกชื้นตลอดเวลา การมีพรมที่ซับน้ำได้ดีจะช่วยซับหยดน้ำออกจากเท้า และลดการกระจายของน้ำไปทั่วห้องน้ำ พรมที่ใช้ควรทำจากวัสดุที่ดูดซับน้ำได้เร็วและแห้งไว เช่น ไมโครไฟเบอร์ หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อรา และควรมีแผ่นรองกันลื่นเพื่อป้องกันไม่ให้พรมเคลื่อนตัวในขณะที่เราเหยียบหลังอาบน้ำ การดูแลพรมบริเวณนี้ควรทำความสะอาดบ่อยกว่าพรมในพื้นที่อื่น เพราะความชื้นสูงทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้ง่าย ควรซักอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งโดยใช้ผงซักฟอกอ่อนๆ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัย และตากแดดจนแห้งสนิทเพื่อกำจัดความชื้นที่ตกค้าง นอกจากนี้การมีพรมสำรองไว้ 1-2 ผืนเพื่อสลับใช้ จะช่วยให้เรามีพรมสะอาดแห้งพร้อมใช้อยู่เสมอ ทำให้ห้องน้ำไม่มีกลิ่นอับและรู้สึกน่าใช้งานตลอดเวลา 7. หน้าซิงก์ล้างจาน หลายคนยังไม่รู้ว่า การวางพรมเช็ดเท้าหน้าซิงก์ล้างจาน ช่วยให้การทำงานในครัวปลอดภัยและสะดวกขึ้นมาก เพราะบริเวณนี้มักมีน้ำหยดหรือกระเด็นลงพื้นขณะล้างจาน การมีพรมที่ซับน้ำได้ดีจะช่วยป้องกันพื้นลื่น ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ และยังช่วยให้เรายืนล้างจานได้สบายเท้า พรมที่เลือกควรเป็นแบบที่แห้งไว มีผิวสัมผัสนุ่ม และมีแผ่นกันลื่นด้านหลังเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ ควรเลือกขนาดที่พอดีกับพื้นที่หน้าซิงก์เพื่อให้ครอบคลุมจุดที่เรายืนทำงาน การดูแลพรมจุดนี้ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะความชื้นและคราบอาหารที่อาจหยดลงมาเป็นแหล่งสะสมของจุลินทรีย์ได้ง่าย ควรซักพรมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือทันทีเมื่อพรมเปียกชุ่มหรือมีกลิ่นอับ การซักด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ จะช่วยขจัดคราบมันและแบคทีเรียได้ดี จากนั้นควรตากแดดจนแห้งสนิทเพื่อป้องกันเชื้อรา การสลับใช้พรมสองผืนจะทำให้เรามีพรมสะอาดพร้อมใช้งานตลอดเวลา และช่วยยืดอายุการใช้งานของพรมได้มากขึ้นค่ะ 8. ใต้โต๊ะอาหาร ปกติการวางพรมใต้โต๊ะอาหารนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาความสะอาด และเพิ่มความสวยงามให้พื้นที่รับประทานอาหารค่ะ โดยพรมจะทำหน้าที่รองรับเศษอาหารเล็กๆ ที่อาจตกลงมา และป้องกันไม่ให้คราบเปื้อนพื้นโดยตรง จึงช่วยลดการทำความสะอาดพื้นบ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังช่วยให้เก้าอี้เลื่อนเข้าออกได้อย่างนุ่มนวลไม่ทำให้พื้นเป็นรอย ควรเลือกพรมที่มีขนาดกว้างครอบคลุมพื้นที่โต๊ะและเก้าอี้เมื่อดึงออก เพื่อให้ทุกเก้าอี้ยังอยู่บนพรมเมื่อมีการใช้งาน การดูแลพรมใต้โต๊ะอาหารควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยปัดหรือดูดฝุ่นทุกวันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ตกค้าง และซักล้างอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือเมื่อเกิดคราบชัดเจน พรมที่ใช้ในจุดนี้ควรเลือกแบบซักง่ายและทนต่อการซักบ่อย เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์และการสะสมของแบคทีเรีย การตากแดดให้แห้งสนิทจะช่วยให้พรมกลับมาสดชื่นและปลอดภัยสำหรับสมาชิกทุกคนในบ้านค่ะ 9. บริเวณทางขึ้นบันได การวางพรมเช็ดเท้าบริเวณทางขึ้นบันไดช่วยป้องกันการนำฝุ่น ดิน หรือสิ่งสกปรกจากชั้นล่างขึ้นไปสะสมบนบันได และพื้นที่ชั้นบนของบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ โดยพรมที่เลือกใช้ควรมีพื้นผิวหยาบพอสมควรเพื่อดักจับฝุ่น และควรมีคุณสมบัติกันลื่นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุระหว่างการเหยียบ พรมที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่และไม่ยื่นเกินขอบบันไดจะช่วยให้เดินได้ปลอดภัย ไม่สะดุดหรือเกะกะสายตานะคะ การดูแลพรมบริเวณนี้ควรทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยการเคาะฝุ่นหรือดูดฝุ่น และซักล้างเมื่อเริ่มสกปรกมากขึ้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพรมยึดแน่นกับพื้น ไม่ม้วนงอหรือเลื่อนง่าย เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นล้ม การตากแดดให้พรมแห้งสนิท จะช่วยลดกลิ่นอับและเชื้อรา ทำให้บันไดสะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้านค่ะ 10. ข้างเตียงนอน การวางพรมเช็ดเท้าข้างเตียงนอน เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นและสะอาดตั้งแต่ก้าวแรกที่เราตื่นนอนในตอนเช้าค่ะ พรมจะช่วยป้องกันไม่ให้เท้าเหยียบพื้นเย็นโดยตรง ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและเริ่มต้นวันได้อย่างสบายใจ พรมที่ใช้ในจุดนี้ควรมีสัมผัสนุ่ม ไม่ลื่น และมีขนาดพอดีกับพื้นที่ข้างเตียง เพื่อให้เราสามารถวางเท้าลงบนพรมได้เต็มฝ่าเท้าก่อนลุกขึ้นยืน การดูแลพรมข้างเตียงควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยการดูดฝุ่นหรือเคาะฝุ่นออกทุกสัปดาห์ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและไรฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ และควรซักพรมอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือตามสภาพการใช้งาน ตากแดดให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันกลิ่นอับและเชื้อรา หากพรมเริ่มเสื่อมสภาพหรือไม่ฟูเหมือนเดิม ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อคงบรรยากาศที่นุ่มนวลและสุขอนามัยที่ดีในห้องนอนค่ะ ก็จบแล้วค่ะ พอจะมองเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคะ? ที่โดยสรุปแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเรามองภาพรวมของบ้านทั้งหลัง จะเห็นว่าพรมเช็ดเท้าไม่ได้เป็นเพียงของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไปค่ะ แต่เป็นด่านป้องกันสิ่งสกปรกและตัวช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดีในบ้าน เพราะพรมที่วางในจุดต่างๆ เช่น ประตูทางเข้า ประตูหลังบ้าน หน้าห้องน้ำ หรือหน้าซิงก์ล้างจาน ช่วยดักฝุ่น ลดคราบดินโคลน และป้องกันน้ำกระเด็นไปทั่วพื้น ทำให้เราทำความสะอาดบ้านได้ง่ายขึ้น และช่วยป้องกันการลื่นล้มซึ่งเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุในบ้าน โดยเฉพาะในบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก อย่างไรก็ตามจากที่ผู้เขียนได้พูดมาทั้งหมดนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกบ้านต้องมีพรมครบทุกจุดตามที่พูดถึงนะคะ แต่การเลือกใช้พรมควรปรับให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนในบ้าน ความถี่ในการทำกิจกรรม และความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ค่ะ โดยเราสามารถตัดสินใจได้ว่าจุดไหนควรวางพรมโดยการสังเกตพฤติกรรมการใช้งานพื้นที่ของเราเอง ลองพิจารณาว่าพื้นที่นั้นเปียกหรือสกปรกบ่อยไหม มีคนเดินผ่านถี่แค่ไหน หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้พื้นลื่นบ่อยหรือไม่ ถ้าใช่ จุดนั้นควรมีพรมเพื่อเพิ่มความสะดวกและปลอดภัย เช่น บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงอาจต้องใช้พรมหน้าประตูทางเข้าและหน้าห้องครัวเพื่อลดคราบดินหรือขนสัตว์ที่เข้ามา บ้านที่มีคนทำสวนบ่อยควรมีพรมที่ประตูหลังบ้านเพื่อลดการนำดินเข้าบ้าน หรือถ้าบ้านเรามีโต๊ะอาหารที่ใช้ทุกวัน การมีพรมใต้โต๊ะก็ช่วยควบคุมเศษอาหารให้เก็บกวาดง่ายขึ้นค่ะ พอจะมองเห็นภาพหรือยังคะ? และถึงแม้ว่าพรมจะช่วยให้บ้านสะอาดและปลอดภัยขึ้น แต่การดูแลพรมให้สะอาดอยู่เสมอก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ เนื่องจากพรมที่ชื้นหรือมีฝุ่นสะสมอาจกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราและสิ่งสกปรกได้ เราควรซักพรมและตากแดดเป็นประจำ หรืออย่างน้อยเคาะฝุ่นทุกสัปดาห์ และการมีพรมสำรองเพื่อสลับใช้ระหว่างการซัก มีส่วนช่วยให้เรามีพรมสะอาดพร้อมใช้งานตลอดเวลา การเลือกพรมให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ ทั้งในเรื่องวัสดุ การซับน้ำ และความปลอดภัยในการกันลื่น จะช่วยให้บ้านของเราดูสะอาดน่าอยู่ สุขอนามัยของคนในบ้านดียิ่งขึ้น และไม่ต้องสิ้นเปลืองซื้อพรมเกินความจำเป็นค่ะ สำหรับที่นี่ในตอนนี้มีพรมอยู่ด้วยกันหลายจุดด้วยกันค่ะ คือ หน้าทางเข้าบ้าน ทางเข้าประตูหลังบ้าน หน้าห้องน้ำ หน้าจุดอ่างล้างจาน และหน้าห้องนอนค่ะ โดยทุกจุดความถี่ในการทำความสะอาดจะแตกต่างกันไป โดยสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนนำมาเป็นข้อบ่งชี้ในการทำความสะอาด คือ ความสกปรกและความชื้นค่ะ หากไม่สกปรกแต่ชื้น แบบนี้ผู้เขียนก็จะทำความสะอาดทันที ซึ่งการทำความสะอาดนี้ผู้เขียนไม่ได้ทำทั้งวัน แต่จะทำแทรกเข้าไปในระหว่างที่ทำความสะอาดบ้าน เช่น ถ้ากวาดบ้านแล้วเห็นว่าพรมเช็ดเท้าทางเข้าบ้านต้องทำความสะอาด แบบนี้ผู้เขียนจะทำการสะสางและจัดการทันทีค่ะ ยังไงนั้นก็ลองนำข้อมูลในนี้ไปเป็นแนวทางเพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภายในบ้านกันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #พรมเช็ดเท้า #ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม_ภายในบ้าน #อนามัยสิ่งแวดล้อม #EnvironmentalHealth เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4 และภาพที่ 5 AI Generated โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 จุดที่ไม่ควรมีถังขยะ ภายในบ้าน ลดกลิ่นเหม็น เพื่อสุขอนามัย 9 วิธีจัดการน้ำเสียและเศษอาหาร จากครัวบ้าน อย่างถูกสุขลักษณะ วิธีดูแลตัวเอง รับมือสารก่อภูมิแพ้หน้าฝน ต้องทำอะไรบ้าง มาดูกัน! เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !