น้ำท่วมปากีสถานพบยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงเกือบ 400 คน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้าน ช่วยกันค้นหาผู้รอดชีวิตเมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) ขณะยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในภาคเหนือของปากีสถาน เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 400 คน โดยฝนที่ตกหนักในช่วงมรสุมได้พัดถล่มหมู่บ้านหลายแห่ง ทำให้เกิดดินถล่ม และทำให้มีผู้สูญหายจำนวนมาก ซึ่งทางการเตือนว่าฝนอาจตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้

สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ หรือเอ็นดีเอ็มเอ (NDMA) ของปากีสถาน แถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 356 คนในจังหวัดไคเบอร์ ปัคตุนควา ตั้งแต่ช่วงเย็นวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบคนในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิต 5 วัน รวมกันเกือบ 400 คน 

ในหมู่บ้านดาโลรี ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เจ้าหน้าที่กู้ภัยพากันขุดตามดินโคลนและเศษซากต่าง ๆ เพื่อค้นหาผู้สูญหาย 

อุมาร์ อิสลาม คนงานวัย 31 ปี ซึ่งพ่อของเขาเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ กล่าวว่า “ความทุกข์ยากของเราไม่อาจอธิบายได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที เราก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี ชีวิตของเราพังทลาย” ส่วนฟาซาล อัคบาร์ ชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ “น่ากลัวมาก” มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีใครมีเวลาแม้แต่นาทีเดียวที่จะตอบโต้ มีการประกาศจากมัสยิด และชาวบ้านก็รีบช่วยเหลือตนเอง ไม่ถึง 20 นาที หมู่บ้านของเราก็พังทลาย

ถนนหลายสายถูกน้ำพัดขาด ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะเดียวกัน เครือข่ายโทรศัพท์ที่เสียหายยังทำให้บางส่วนของจังหวัดถูกตัดขาดอีกด้วย

ส่วนในจังหวัดสินธ์ ภาคใต้ของประเทศ ฝนเริ่มตกหนักเมื่อวานนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วมในเขตเมืองใหญ่หลายเมือง รวมทั้งนครการาจี เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานอ่อนแอ ขณะที่ในจังหวัดบาโลชีสถาน ฝนถล่มสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน 40-50 หลังในสองเขต และปิดถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับจังหวัดสินธ์ด้วย 

สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า คาดว่าจะยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องจนถึงวันเสาร์ และจะมีฝนตกอีกครั้งในช่วงปลายเดือน

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 700 คน และบาดเจ็บเกือบ 1,000 คนในฤดูมรสุมปีนี้ 

ทั้งนี้ ปากีสถาน หนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศมากที่สุดในโลก ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายบ่อยครั้ง ในปี 2565 น้ำท่วมจากมรสุมทำให้พื้นที่หนึ่งในสามของประเทศจมอยู่ใต้น้ำ คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 1,700 คน