มีใครเคยไปนอนค้างบ้านคนแปลกหน้าไหม?บ้าเหรอ ใครจะทำ?เราจะไว้ใจเขาได้ยังไง?นั่นน่ะสิ จะมีใครทำแบบนั้น...:) ...เราค่ะ เราเอง อ๊ะ ๆ ทุกคนอย่าเพิ่งตกใจ เราจะอธิบายให้ฟังว่ามันเป็นไงมาไง เรื่องนี้เองเกิดขึ้นเมื่อช่วงสิงหาปีที่แล้วโดยเราและเพื่อนอีกคนเริ่มเที่ยวแบบ backpacking รอบ ๆ อเมริกา และเราก็แพลนที่จะไปเมือง Seattle ที่อยู่ในรัฐวอชิงตัน ดังนั้นแล้วเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ (ข้อแก้ตัวของคนไม่มีเงินนั่นเอง) เราและเพื่อนจึงตัดสินใจหาที่พักใน Seattle ผ่านแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Couchsurfing พอจะมีใครเคยได้ยินผ่านหูบ้างไหมน้า วันนี้เราจะมาบอกว่าแอปพลิเคชันนี้น่าสนใจอย่างไรCredit : www.couchsurfing.comCouchsurfing เป็นการเล่นคำ บวกคำว่า Couch ที่แปลว่าโซฟา เข้ากับ Surfing ที่แปลว่าการค้นหาบนอินเตอร์เน็ต แปลง่าย ๆ รวมกันก็คือ การไปหานอนบนโซฟาบ้านคนอื่นนั่นเอง น่าสนใจใช่ไหมล่ะ การใช้แอปพลิเคชันนี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่โหลดตัวแอปพลิเคชันมาแล้วลงทะเบียน แค่นี้เราก็สามารถเป็นทั้ง host (ผู้ให้ที่หลับนอน) และ Couchsurfer (ผู้ขออาศัย) ได้แล้วเพียงปลายนิ้ว และในการหา Host นั้น ให้เราใส่ชื่อเมืองที่เรากำลังจะเดินทางไป แค่นี้ลิสท์ผู้ใจบุญก็จะขึ้นมาให้เราได้เลือก ซึ่งเราสามารถเลือกได้โดยพิจารณาจากข้อมูลบนโปรไฟล์ของเขา Credit : www.couchsurfing.comจากนั้นเราก็ Request ความเห็นใจโดยใส่ข้อความต่าง ๆ ที่เราต้องการบอกเขา โดยเราเองขอไป 4-5 คน โดนปฏิเสธบ้างด้วยเหตุจำเป็นต่าง ๆ แต่ในที่สุดก็มี host คนนึงตอบข้อความกลับมา แต่แล้วก็ยังไม่ใช่คำตอบตกลง เนื่องจากเขาได้รับ Couchsurfer มาแล้วสองคนในวันที่เราขอไป ห้องนอนจึงไม่เพียงพอ แต่แล้วฟ้าก็มีตาและสวรรค์ก็มีจริงเมื่อ Host ถามว่านอนโซฟาหน้าทีวีได้ไหม เด็กสาวไทยที่ต้องใช้ทุกดอลล่าร์และเพนนีให้คุ้มอย่างพวกเราจึงรีบตอบกลับไปว่า Of course yes!จากรูปข้างบนจะเห็นว่าเราเลือกคนนี้เพราะเขาเป็น Verified member และยังมี Reference มากกว่า 200 ซึ่งอ่านดูแล้วมั่นใจได้เลยว่าอยู่กับเขาปลอดภัยอย่างแน่นอนและแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง เราได้พบกับ host ตัวเป็น ๆ เมื่อเขาขับรถมารับเรากับเพื่อนที่สถานีรถไฟ พวกเราขนานนามท่านว่า คุณปู่ลอเรน ท่านอายุเยอะมากแล้วราว 70 กว่า ๆ แต่ยังแข็งแรง เดินเหินคล่อง และขับรถซิ่งมาก ๆ เมื่อมาถึงบ้านเราจึงได้พบกับ Couchsurfer อีกสองคนที่ลอเรนรับมาก่อนหน้าเราหนึ่งวัน เป็นเด็กสาวฝรั่งเศสสองคนที่อายุห่างจากเรา 2-3 ปีที่พากันเดินทางเที่ยวในช่วงปิดเทอม นอกจากนั้นเรายังพบกับสาวตุรกีอีกสองคนที่อาศัยอยู่ชั้นบน ทราบว่ามาอยู่กับคุณปู่หนึ่งเดือนเพื่อนทำวิจัยกับมหาวิทยาลัย เท่านั้นยังไม่พอ ชั้นใต้ดินลอเรนก็ยังเปิดบ้านให้สาวอเมริกันและญี่ปุ่นเช่าอีกด้วย เรียกได้ว่ามาบ้านหลังนี้เราได้เพื่อนเพิ่มเพียบ ไม่เหงาเลย เนื่องจากวันแรกคุณปู่ต้องไปต่างเมืองเพื่อรวมญาติ เราจึงเที่ยวกันเองในเมือง Seattle แต่วันที่สองคือทีเด็ดเลย ลอเรนพาเราและเพื่อนอีกคน รวมทั้งสาวฝรั่งเศสอีกสองคนขับรถขึ้นเขาไปชม Rainier National Park ที่เป็นหนึ่งใน Bucket list ของเรา ระหว่างทางเรายังได้แวะชมน้ำตก และธรรมชาติอื่นที่สวยงามอีกเยอะมาก ซึ่งในการขับรถขึ้นอุทยานแห่งชาตินี้กินเวลานานถึง 3 ชั่วโมง กลับอีก 3 ชั่วโมง เรานับถือใจคุณปู่มากๆที่ขับรถพาพวกเรามาเที่ยวกันขนาดนี้ สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้เลยก็คือ ลอเรนเป็นผู้สูงอายุคนนึงที่ยังชอบเล่นกับลูกกับหลานอยู่ จริง ๆ ตัวเขาก็มีลูกหลานอยู่บ้านอีกหลังนึงห่างออกไป แต่เรารู้สึกว่าการมีคนอยู่ในบ้านด้วยมันให้ความรู้สึกต่างออกไป มันเหมือนกลับบ้านมาก็ยังเจอใครสักคน ได้พูดคุย รับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน เอาจริง ๆ แล้วบนโต๊ะอาหารลอเรนเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้พวกเราฟังเยอะมาก ๆ ทั้งเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิต และประสบการณ์การใช้ Couchsurfing ทั้งในฐานะ Host และ Couchsurfer ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจฟังมาก ๆ เพราะอยากให้เขารู้ว่าเราสนใจในเรื่องของเขาจริง ๆบางครั้งผู้สูงอายุก็อาจจะแค่ต้องการคนรับฟังก็ได้นะ จริงไหมทุกคน ลองคิดทบทวนดูนะว่าทุกวันนี้เราให้ความใส่ใจกับคนในครอบครัวเรามากพอหรือยัง... ขอบคุณ Couchsurfing จริง ๆ ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจขนาดนี้ให้กับเรา ใครจะอยากลองก็เอาไปปรับใช้กันได้นะ รับประกันเลยว่าประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว วันนี้เราขอตัวลาไปก่อนน้า สวัสดีค่าาา~