‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ ใช้ยังไงให้ได้รับเงินคืนสูงสุด
หลายคนยังสับสนเกี่ยวกับโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ว่ามีวิธีใช้สิทธิยังไง? แล้วจะได้เงินคืนเป็น E-Voucher เมื่อไหร่? นำ ไปใช้งานอย่างไร? trueID จะพาไปทำความเข้าใจวิธีการใช้งานให้มากขึ้น จะได้รู้จริงก่อนตัดสินใจลงทะเบียน "ยิ่งใช้ยิ่งได้"
ภาพรวม "ยิ่งใช้ยิ่งได้"
- โครงการนี้ภาครัฐจะสนับสนุน E-Voucher ให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการ โดยการให้เป็น "เงินคืน" (Cash back)
ระยะเวลาเริ่มใช้จ่าย G-Wallet เพื่อนำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 64
- หมายความว่า ผู้ใช้สิทธิจะต้องจ่ายเงินตัวเองเพื่อซื้อสินค้าก่อน
- แล้วหลังจากนั้นจึงจะได้เงินคืนในรูปแบบ e-Voucher ทีหลัง
- ในมูลค่าที่ลดหลั่นตามยอดการใช้จ่าย ดังนี้
- ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน
- ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
- โดยสามารถใช้จ่ายด้วย e -Voucher ได้ตั้งแต่ 7 สิงหาคม- 31 ธันวาคม 2564
- ทั้งนี้ e -Voucher “โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้” ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
"ยิ่งใช้ยิ่งได้" ซื้ออะไรได้-ไม่ได้บ้าง?
- ผู้ที่ได้รับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถนำวงเงินสิทธิไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้แก่ ค่าอาหาร-เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ชำระค่าบริการได้ เช่น ร้านนวด-สปา ทำผม ทำเล็บ เป็นต้น
- ยกเว้น ไม่สามารถใช้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาสูบ
- ทั้งนี้ E-Voucher ที่จะได้รับ คือ เป็นวงเงินใช้สิทธิ ซึ่งจะคืนให้ผ่าน G-Wallet อย่างแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ทุกต้นเดือนถัดไป
- โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ และต้องใช้จ่ายผ่าน "เป๋าตัง" เท่านั้น
"ยิ่งใช้ยิ่งได้" ใช้ยังไงให้ได้รับเงินคืนสูงสุด
- สำหรับผู้ที่ต้องการได้ e-Voucher ของโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เต็มจำนวน 7,000 บาทนั้น จะต้องมีการใช้จ่ายสูงสุดประมาณ 60,000 บาท
- โดยจะต้องใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการก่อน หลังจากนั้นรัฐจึงจะคืนเงินให้ 10-15% ของค่าใช้จ่ายนั้นๆ โดยจะโอนเงินเข้าให้ใน G-Wallet ของแอพเป๋าตังทุกต้นเดือนถัดไป (สามารถใชจ่ายสะสมยอดเพื่อรับ E-Voucher ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 ถึง 30 ก.ย. 64)
- โดยเงินนี้จะไม่สามารถแลกออกมาเป็นเงินสดได้ แต่สามารถใช้จ่ายผ่านแอพฯ "เป๋าตัง" ได้ (ผ่านร้านค้าที่เป็นร้านค้าบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น)
"ยิ่งใช้ยิ่งได้" Vs "คนละครึ่ง" เหมาะกับใคร ?
มาถึงคำถามสำคัญ ว่า แล้วตกลงจะเลือกแบบไหนดี ระหว่าง "ยิ่งใช้ยิ่งได้" และ "คนละครึ่ง" นั้น สรุปก็คือไม่มีมาตรการไหนที่ดีกว่า มีแต่มาตรการที่เหมาะสมกับเรามากกว่า โดยจากการเปรียบเทียบรายละเอียดของโครงการ สรุปได้ดังนี้
- ยิ่งใช้ยิ่งได้ : เน้นให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการที่จดทะเบียน VAT ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ และให้แคชแบ็คสำหรับคนที่มีการใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นมาตรการนี้จึงเหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อสูง เพราะใช้จ่ายทั้งสินค้าและบริการสูงจึงจะได้สิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้
- ดังนั้น ใครก็ตามที่มีการใช้จ่ายสูงในระดับที่โครงการกำหนดอยู่แล้ว เหมาะกับการเลือกรับสิทธิประโยชน์นี้เพื่อรับ e-Voucher ไปจับจ่ายต่อ
- คนละครึ่งเฟส3 : ลักษณะการจ่ายเงินของคนละครึ่งเฟส3 ให้สิทธิใช้จ่ายเงินรวม 3,000 บาท แต่ไม่เกินวันละ 150 บาท
- จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ใช้จ่ายสูง ซึ่งจะได้รับวงเงินช่วยลดค่าใช้จ่าย 50% ในทุกๆ วันเพื่อลดภาระค่าครองชีพจึงเหมาะกับมาตรการนี้มากกว่า