สำหรับการลงทุน Futures ในตลาด TFEX มันจะมีสินทรัพย์หลายอย่างให้เราได้เล่นเก็งกำไร เราจะสามารถตักตวงผลประโยชน์ทั้งขาขึ้น (Long) และขาลง (Short) โดยใช้เงินน้อยงัดให้ได้ผลตอบแทนที่มาก แน่นอนว่าถ้าผิดพลาดขึ้นมาจะเจ็บตัวหนัก พัชราภรณ์ เคนชมภู และ ปุณยวีร์ จันทรขจร สองนักลงทุนที่เจนสนามมานานจะมาให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับมือใหม่..ผ่านการทำความรู้จักกับ Futures Exchange โดยใช้ SET 50 Index Futures เป็นตัวอย่างหลักตลอดทั้งเล่ม มีการแนะนำ Technical เบื้องต้นสำหรับ TFEX รวมทั้ง Money Management แบ่งเงินที่พร้อมเสี่ยง และจิตวิทยาการลงทุน พร้อมแบบฝึกหัดให้ทดสอบความเข้าใจเบื้องต้น ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.Thailand Futures Exchange หรือ TFEX มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า บริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายตราสาร อนุพันธ์เกี่ยวกับตราสารทุน ตราสารหนี้ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นหน่วยงานที่มากำกับดูแล 2.ตราสารอนุพันธ์ (Derivative) คือสัญญาทางการเงิน ระหว่างบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยตกลงซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Assets) ใน ปัจจุบัน (ตอนนี้) แต่จะส่งมอบสินทรัพย์และชําระราคากันใน อนาคต (ตอนนั้น) 3.สินค้าอนุพันธ์นี้จะมีค่าแค่ไหน ขึ้นอยู่กับราคาของสินค้า อ้างอิงว่า มีความต้องการซื้อหรือขายมากกว่ากัน สินค้าอ้างอิงในตราสารอนุพันธ์มีเยอะมาก เช่น ทองคํา น้ำมัน ข้าว ยางพารา อัตราแลกเปลี่ยน ดัชนีหุ้น เป็นต้น แต่สุดท้ายต่อให้ราคาจะขึ้นไปเท่าไร ผู้ซื้อขายก็มีพันธะ สัญญาว่าจะต้องซื้อขายกันในราคาที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรกอยู่ดี เปรียบเทียบง่ายๆ อนุพันธ์เลยเหมือนการจองซื้อสินค้า สมมติจองซื้อนาฬิการุ่นลิมิเต็ดไป เราต้องจ่ายเงินค่าจอง 5,000 บาท เมื่อจองเรียบร้อย เราจะได้ใบจองมาเก็บไว้เป็นหลักฐานการจอง 5.ซึ่งในใบจองจะระบุรายละเอียดการจองต่างๆ เช่น เป็น นาฬิกายี่ห้ออะไร รุ่นไหน รายละเอียดสินค้าเป็นอย่างไร จำนวนกี่เรือน ระยะเวลาที่รับสินค้าอีกกี่วันหรือกี่เดือน ราคาที่ต้องจ่าย เต็มในวันรับ ซึ่งอาจจะเป็นราคา 100,000 บาท ถ้านาฬิการุ่นนี้เป็นที่นิยมมาก (ของมีจำนวนจํากัดแต่ความ ต้องการซื้อเพิ่มมากขึ้น) ก็มีแนวโน้มว่าราคาของนาฬิกาเรือนนี้อาจปรับตัวสูงขึ้นเป็น 200,000 บาท 6.แต่ถึงราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างไรเมื่อถึงเวลาส่งมอบสินค้า ผู้ขาย ก็ยังต้องขายให้ในราคา 100,000 บาท ตามสัญญา (รวมราคา ใบจอง 5,000 บาท เท่ากับจ่ายไป 105,000 บาท) เมื่อมีใบจองเราสามารถจะเก็บไว้ใช้สิทธิซื้อนาฬิกา (ที่ตอนนี้ ราคาสูง แต่เราซื้อได้ในราคาเดิม) หรือจะขายใบจองเพื่อเก็งกําไรก็ได้ ถือว่าเป็นการใช้เงินจำนวนน้อย เพื่อเพิ่มโอกาสการซื้อขายทำกําไร โดยอ้างอิงจากค่านาฬิกาหลักแสน หลักการเก็งกําไรใบจองนี้คล้ายกับการซื้อสินค้าอนุพันธ์ 7.สินค้าอ้างอิงจะเป็นอะไรก็ได้ (Underlying Assets) แต่ต้องมีสภาพคล่องที่สูง สินค้าต้องเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป มีข้อมูลข่าวสารให้ติดตาม 8.ตัวย่อ Futures แทนด้วยสัญลักษณ์ ดังนี้ ชื่อสัญญา = สินทรัพย์อ้างอิง + เดือน + เลข 2 ตัวสุดท้ายของปี ค.ศ. ที่สัญญาสิ้นสุด เช่น SET50 MAR 20 = S50 H 20 แปลว่า Futures ของ SET50 Index ที่จะหมดอายุสัญญาในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2020 9.ตราสารอนุพันธ์ที่ซื้อขายในตลาด TFEX มีอยู่ 2 ประเภท คือ Futures (ฟิวเจอร์ส) และ Options (ออปชัน) 10.Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ซื้อขายกันผ่าน ตลาดอนุพันธ์ (ตลาดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ) เมื่อถึงกําหนดเวลาผู้ซื้อผู้ขายมีพันธะที่ต้องซื้อขายกันตามสัญญา 11.Options เป็นสัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อทรัพย์อ้างอิงในอนาคตที่กำหนดอย่างชัดเจน เป็นตราสารสิทธิที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อหรือผู้ถือออปชัน ในการซื้อหรือไม่ซื้อ ขายหรือไม่ขาย สินค้าอ้างอิง ณ ราคาและวัน เวลาที่กำหนดตกลงกันไว้ล่วงหน้าก็ได้ หากผู้ซื้อ (ผู้ถือ) เลือกใช้สิทธิตามที่สัญญากำหนด ผู้ขาย (ผู้ออก) ออปชันจะต้องทำตามสัญญา (มีภาระผูกพันที่ต้องส่ง มอบหรือรับมอบตามสิทธิ) ที่ซื้อขายที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าผู้ซื้อออปชันไม่อยากใช้สิทธิ อยากทิ้ง ใบจองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าผู้ซื้ออยากใช้สิทธิ อยากขายตามสัญญา เมื่อครบกำหนด ผู้ขายก็ต้องมาส่งมอบของนั่นเอง 12.อย่างที่รู้ๆ กันว่า Futures ซื้อขายได้ทั้งขึ้น - ลง การเก็งกําไรในทิศทางขาขึ้น จะเปิดสถานะด้วยการ Long (Long Open, Long Position) ตามหลักการจะเรียกว่า อยู่ในสถานะผู้ซื้อ (แต่เราจะจำว่า สถานะผู้ซื้อฝั่งขาขึ้น) เมื่อมองว่าสินค้าอ้างอิงนี้มีแนวโน้มที่จะขึ้นในอนาคต (และ ส่งผลให้ราคา Futures ขึ้นด้วย) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นการ “ชื้อก่อนแล้วค่อยขายทีหลัง” ซึ่งหลักการคล้ายๆ กับหุ้นคือ ซื้อถูกไปขายแพง เมื่อปิดออร์เดอร์จะใช้คำสั่ง Short Close 13.การเก็งกําไรในทิศทางขาลง จะเปิดสถานะด้วยการ Short (Short Open, Short Position) ตามหลักการจะเรียกว่า อยู่ในสถานะผู้ขาย (เราจะจำให้ง่าย ขึ้นว่า สถานะผู้ซื้อฝั่งขาลง) เมื่อมองว่าสินค้าอ้างอิงตอนนี้ราคาสูง และมีแนวโน้มราคาลงในอนาคต (และส่งผลให้ราคา Futures ลดลงตามไป ด้วย) งั้นเปิดสัญญาขายออกไปก่อนดีกว่า แล้วค่อยซื้อกลับ การ “ขายก่อนแล้วค่อยซื้อกลับทีหลัง” นี้ เรียกได้ว่าเป็น การสร้างกําไรจากการขายแพงแล้วกลับไปซื้อในราคาถูก เมื่อปิดออร์เดอร์จะใช้คำสั่ง Long Close 14.Multiplier คือ ตัวคูณดัชนี เมื่อ SET50 Index ที่ใช้อ้างอิงมีหน่วยเป็นจุด (ไม่ใช่บาท อย่างหน่วยราคาหุ้น) และยังเป็นสินค้าที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าจริงตอนครบกำหนดได้อย่างสินค้าอื่น ตลาด TFEX จึงกําหนดให้ มูลค่าของสัญญา SET50 Index Futures 1 จุด (1 หน่วย) ให้แปลงเป็นเงินสด เท่ากับ 200 บาท เพื่อให้ง่ายต่อการชําระค่าส่วนต่าง กําไร - ขาดทุน และใช้ชำระแทนสินค้าตอนครบกำหนด (Multiplier คือ ตัวคูณดัชนี 1 จุด เท่ากับ 200 บาท 0.1 จุด เท่ากับ 20 บาท) 15.เช่น มีเงินทุน 50,000 บาท เปิดสัญญา Long S50 Z19 1 สัญญาที่ 1084.5 จุด เมื่อเวลาผ่านไป ดัชนีขึ้นไปปิดสัญญาที่ (Short Close) 1,104.5 จุด เท่ากับเก็งกำไรถูกทาง ได้กำไรมา 20 จุด 20 จุด * 200 * 1 สัญญา = 4,000 บาท 16.Contract Size (มูลค่าของสัญญา) = ราคาของ SET50 Index Futures * ตัวคูณดัชนี (Multiplier) เช่น ถ้าราคา S50 Futures ในตลาดตอนนี้อยู่ที่ 1,050 จุด Contract Size = 1,050 * 200 = 210,000 บาท 17.การคำนวณผลกำไร-ขาดทุน เอาราคาดัชนีที่ซื้อ (จุด) ลบกับราคาดัชนีที่ขาย (จุด) ได้จำนวนราคาดัชนีส่วนต่างเท่าไร ให้มาคูณ 200 (บาท) ซึ่ง Multiplier (ตัวคูณดัชนี) 1 จุด มีค่าเท่ากับ 200 บาท เราจึงนำค่าดัชนีส่วนต่างมาคูณกับ 200 บาทนั่นเอง เช่น เข้าซื้อ S50Z19 เปิดสถานะ Long ที่ราคา 1,074.5 จุด ขายที่ 1,092.6 จุด (1,092.6-1,074.5) * 200 = 3,620 บาท (เป็นราคาคำนวณคร่าวๆที่ยังไม่ได้ลบค่าคอมมิสชั่นและยังไม่ได้คูณจำนวนสัญญา) 18.คำนวณความเสี่ยงให้สอดคล้องกับจำนวนสัญญา 1.ขาดทุนได้กี่ % ของพอร์ต 2.เป็นจำนวนเงินเท่าไรของพอร์ต 3.หาจำนวนจุดที่เราต้องการ Stop Loss 4.เอาค่าทั้งหมดที่หาได้มาคำนวณ จะเห็นว่าตลาด Futures โดย TFEX ก็มีความท้าทายในแบบของมันเหมือนกัน แม้จะเก็งกำไรทั้งขาขึ้นและขาลงได้ แต่ถ้าพลาด ก็จะเสียหายขาดทุนมหาศาล แต่นี่ก็เป็นหนทางการลงทุนของคนชำนาญที่สามารถตักตวงผลตอบแทนจากความผันผวนของตลาดได้ เมื่อเราอยู่ในตลาดและศึกษานานพอ แม้จะเห็นความไม่แน่นอนหลายปัจจัย แต่เราก็พอจะสามารถคาดหมายผลลัพธ์และอยู่รอดในสนามการลงทุนได้ไปเรื่อยๆ เครดิตภาพ ภาพปก ภาพที่ 1 2 3 4 5 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ รู้เทคนิคพลิกกำไร รีวิวหนังสือ GROWTH LECTURE ขุดหุ้นเติบโตได้ในเล่มเดียว รีวิวหนังสือ How Buffett Does It ตามรอยวอเร็น บัฟเฟตต์ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !