TNP เลือกตั้งเงินสะพัด ชงบอร์ดลุยแผนปีม้า

#TNP #ทันหุ้น – TNP เลือกตั้งเงินสดสะพัด กำลังซื้อมีสัญญาณบวกขึ้น 10% ด้านแม่ทัพหญิง “อมร พุฒิพิริยะ” เตรียมชงบอร์ดลุยแผนปีม้า 21 ธันวาคมนี้ พร้อมเดินหน้าขยายสาขา ตั้งเป้าปี 2569 เปิดเพิ่ม 5–6 สาขา ฟากโบรกมอง Q4/2568 กำไร โตเด่นทุบสถิติใหม่ เคาะ 4.30 บาท อัพไซด์แรง แถมปันผล 4–5% ต่อปี
ภญ.อมร พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้นำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในภาคเหนือ –เปิดเผยว่า บริษัทไม่กังวลต่อมาตรการ “คนละครึ่ง พลัส” เฟส 2 จะดำเนินการต่อได้หรือไม่ เนื่องจากไม่ได้รับผลบวกโดยตรง แต่คาดว่าจะได้อานิสงส์ ทางอ้อม จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวในภาพรวม
เงินสดสะพัด
ขณะที่ประเด็นการเมืองจากการยุบสภา บริษัทมองจากประสบการณ์ในอดีตว่า ช่วงเลือกตั้งมักทำให้เงินสะพัด ลงสู่ระดับผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือมาตรการช่วยเหลือฐานราก เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อยอดใช้จ่ายผ่านบัตรประชารัฐเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดซื้อต่อบิลของร้านค้า ปรับเพิ่มราว 20–30% และในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งโดยทั่วไปพบว่ากำลังซื้อมีสัญญาณบวกขึ้นราว เกือบ 10% ประกอบกับการเติบโตของบริษัทเองที่ขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางข่าวลบและภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ บริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังในทุกการตัดสินใจ แต่ยังไม่ชะลอการลงทุน โดยยังเดินหน้าตามแผนปี 2569 ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ราว 5–6 สาขา และคาดว่าสิ้นปี 2568 จะมีสาขารวม 56-57 สาขา
ทั้งนี้บริษัทเตรียมนำเสนอแผนงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท หลังวันที่ 21 ธันวาคม เพื่อพิจารณากำหนดทิศทางการขยายธุรกิจในปีถัดไป
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยถึง ทิศทางของ TNP ว่า แนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดกำไรสุทธิราว 61 ล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนและ 29% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำระดับ New High จากปัจจัยหนุนหลัก 3 ประการ ได้แก่ การขยายสาขาเพิ่มอีก 3 แห่ง รวมเป็น 57 สาขา ณ สิ้นปี 2568 โดยเน้นพื้นที่เมืองรองที่มีกำลังซื้อสูง
การเข้าสู่ High Season ของธุรกิจค้าปลีก และมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะการเพิ่มวงเงิน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เป็น 1,150 บาทต่อคนต่อเดือน (จากเดิม 300 บาท) เป็นเวลา 2 เดือน (พ.ย.–ธ.ค. 68)
แม้มาตรการ “คนละครึ่งพลัส” TNP ไม่สามารถเข้าร่วมได้โดยตรง แต่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ทางอ้อมจากการที่ผู้ค้ารายย่อยเข้ามาซื้อสินค้าเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ ทั้งนี้ SSSG เดือน ตุลาคม–ต้น พฤศจิกายนเริ่มกลับมาเติบโต 3–5% แล้ว
เป้า 4.30 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2568 ลงเล็กน้อย 3% เหลือ 210 ล้านบาท (+13% YoY) หลังจากไตรมาส 3/2568 ต่ำกว่าคาด ส่วนปี 2569 คาดกำไร 229 ล้านบาท (+9% YoY) จากการขยายสาขาใหม่อีก 5 แห่ง รวมเป็น 62 สาขา
คำแนะนำการลงทุน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมปี 2569 ที่ 4.30 บาท อิง Prospective P/E 15 เท่า (ระดับ -1SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) โดยคาด EPS ปี 2569 ราว 0.29 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Upside จากราคาปัจจุบันราว 54% พร้อม Dividend Yield ราว 4–5% ต่อปี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
