ผบ.ตร.แถลงผลกวาดล้างอาชญากรรมเหนือ ยึดอาวุธสงคราม-ยาเสพติดอื้อ
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อม ผบก.ภ.จว.ใน 8 จังหวัดของพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมพื้นที่ ภ.5 ตั้งแต่วันที่ 10-29 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยมีผลการจับกุมคดียาเสพติด 2,235 คดี ผู้ต้องหา 2,027 คน ยาบ้า 1,065,589 เม็ด ไอซ์ 10 กิโลกรัม เฮโรอีน 938 กรัม เคตามีน 98.3 กรัม ทรัพย์ที่ยึดได้ 408 รายการ มูลค่า 16,413,355 บาท รวมทั้งยึดอาวุธสงครามได้ 1 กระบอก อาวุธปืนธรรมดาไม่มีทะเบียน 342 กระบอก และมีทะเบียน 55 กระบอก วัตถุระเบิด 2,223 ลูก และเครื่องกระสุนปืน 2,678 รายการ จับกุมผู้ต้องหาได้ 1,358 คดี 1,226 คน และยังติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 544 หมาย ผู้ต้องหา 508 คน นอกจากนี้ มีการดำเนินคดี และจับกุมข้อร้องเรียนได้อีกจำนวนหนึ่งด้วย
วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้แถลงกรณีขยายผลคดียาเสพติดเครือข่าย น.ส.ดนิดา โดยได้จับกุม น.ส.ดนิดา หล้าทราย อายุ 39 ปี ได้ครั้งแรกหลังจากเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตำรวจด่านตรวจแม่ทา จ.ลำพูน ได้ตรวจยึดของกลางยาบ้าได้จำนวน 20,200 เม็ด เมื่อขยายผลสามารถจับกุมเครือข่ายได้ 5 คน พร้อมของกลางยาบ้าอีก 20,000 เม็ด ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินปรากฎว่า พบเครือข่ายมีการเปิดบัญชีธนาคาร และได้พบผู้ไปกดเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม 2 คน หนึ่งในนั้นเป็น ร.ต.ต.สังกัด ตม.พื้นที่ จ.เชียงราย ไปกดเอทีเอ็ม เพื่อเบิกเงินท้องที่ อ.แม่ทา จ.ลำพูน ด้วย
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับนายตำรวจดังกล่าวในข้อหาสมคบกันทำความผิดยาเสพติดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้จะไม่มีการละเว้นหากหลักฐานเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานใด และกรณีนี้นอกจากจะดำเนินคดีอาญาแล้วยังมีการดำเนินการทางวินัยร้ายแรงซึ่งก็จะมีโทษทั้งการปลดออก หรือไล่ออก เพื่อให้ในช่วงที่คดีอาญายังไม่แล้วเสร็จก็จะได้ดำเนินการทางวินัยควบคู่กันให้รวดเร็วอีกด้วย
“ส่วนการกวาดล้างได้อาวุธปืน และยาเสพติดจำนวนมากเหล่านี้ เชื่อว่าจะเป็นการป้องเหตุอาชญากรรมได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจจะดำเนินการกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปฎิบัติการเชิงรุกโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจคัดกรองผู้เสพ ผู้ติดยา และผู้มีสภาพจิตใจที่ไม่ปกติ เพื่อบำบัด และป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้แก่เหตุการณ์อาชญกรรมรูปแบบต่างๆ ได้ ขณะเดียวกันก็มีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสกัดกั้น หรือกวาดล้างแหล่งผลิตยาเสพติดที่เป็นต้นทางลำลเยงยาเสพติดเข้าประเทศด้วย” ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน นายวิชัย กล่าวว่า ทางปปส.เป็นห่วงในเรื่องการผลิตยาเสพติดในประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากปัจจุบันเครื่องอัดเม็ดยานั้นหาซื้อได้ง่าย จึงได้หารือ และขอความร่วมมือให้มีการจัดจำหน่ายเฉพาะบริษัทที่ผลิตยาเท่านั้น หากใครซื้อก็ได้ก็จะเป็นปัญหา รวมถึงเรื่องเคมีภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตยาเสพติด บางตัวเป็นเคมีภัณฑ์ที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่หารือร่วมตำรวจ และภาคอุตสาหกรรมไม่ให้มีการนำออกไปในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการป้องกัน และปราบกรามก็มีการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับตรวจปัสสาวะให้กับชุดปฎิบัติงาน เพื่อใช้ในการปฎิบัติงานต่างๆ ทั่งประเทศ
วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้แถลงผลการตรวจยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด “นายอาก๋วย” โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 7 คน ยาบ้าจำนวน 2 ล้านเม็ด ที่อาคารพาณิชย์พื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเดิมได้ยึดทรัพย์เครือข่ายไปแล้วจำนวน 40 ล้านบาท ล่าสุดมีการขยายผลตามหมายจับได้อีกจำนวน 2 คน และระหว่างวันที่ 13-13 ตุลาคม ได้จับกุมตัวสำเร็จแล้วมีการยึดทรัพย์เพิ่มเติมอีก 15 ล้านบาท รวมทรัพย์ที่ยึดจากเครือข่ายนี้ได้ทั้งหมด 55 ล้านบาท