GFPTชี้ราคาเนื้อไก่ยังสูง รายใหญ่ออเดอร์ไม่หยุด
#GFPT #ทันหุ้น – GFPT มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ตามดีมานด์ลูกค้าหลักในญี่ปุ่นและยุโรป จ่อรับออเดอร์ไก่สดแช่แข็งจากซาอุดีอาระเบีย และจีนเพิ่มขึ้น มองราคาขายเนื้อไก่ทรงตัวสูง ด้านต้นทุนข้าวโพด-ถั่วเหลืองทยอยปรัยตัวลดลง หนุนมาร์จิ้นเฉลี่ย 14-15% ย้ำยอดขายทั้งปีโต 15% ตามเป้า
นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะใกล้เคียงหรือมากกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย โดยครึ่งปีแรกยอดขายเติบโตราว 15% ขณะที่คาดว่าการส่งออกไก่ยังคงเห็นปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความต้องการจากลูกค้าหลักในญี่ปุ่นและยุโรปที่ยังมีปริมาณการสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาค่อนข้างมากในไตรมาส 3/2565
ขณะที่ตลาดในประเทศจีนยังไม่กลับมาฟื้นตัวมากนัก หลังจากเพิ่งเริ่มคลายล็อกดาวน์ และยังคงมาตรการ Zero Covid ทำให้ภาพรวมยังมีความไม่แน่นอน และเศรษฐกิจของจีนยังคงชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19ซึ่งคงจะต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 4/2565 ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร แต่บริษัทยังมั่นใจว่ายอดขายทั้งปี 2565จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 15%
*ราคาเนื้อไก่ยังสูง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนในครึ่งปีหลังจากราคาขายเนื้อไก่ที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดราคาขายปลีกเฉลี่ยทั้งปีจะยังอยู่ที่ 47 กิโลกรัม จากความต้องการบริโภคไก่กลับมาเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะจากการที่คนหันมาบริโภคเนื้อไก่ทดแทนเนื้อหมูที่กังวลโรคระบาด ASF เป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยชดเชยกับราคาต้นทุนอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลกระทบสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ทำให้ราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองซึ่งเป็นต้นทุนหลักของอาหารสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ด้านต้นทุนอาหารสัตว์ในช่วงไตรมาส 3/2565ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงมีสต๊อกข้าวโพดและถั่วเหลืองที่มีราคาสูงที่ต้องนำมาใช้ต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ราคาข้าวโพดและถั่วเหลืองในตลาดทยอยปรับลดลงมาแล้ว ซึ่งน่าจะเห็นผลต่อต้นทุนของบริษัทให้ลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2565โดยบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ 14-15%
*คงงบลงทุน 1.2 พันล.
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงงบลงทุนในปีนี้วางไว้ที่ 1-1.2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อทำให้การผลิตเนื้อไก่มีคุณภาพ และสามารถรองรับความต้องการสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
ส่วนกรณีที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเปิดรับสินค้าอาหารจากไทยว่า บริษัทมองว่าซาอุดีอาระเบียจะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มประเทศที่บริษัทจะขยายตลาดสินค้าเนื้อไก่เข้าไปจำหน่าย เพราะมองว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพและจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าในอนาคต จากก่อนหน้านี้บริษัทยังไม่เคยส่งออกเนื้อไก่เข้าไปขายในซาอุดีอาระเบีย โดยกลุ่มลูกค้าหลัก คือยุโรป ญี่ปุ่น และจีน