คำสั่งทรัมป์แบน 12 ชาติเข้าสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้แล้ว เดินหน้าอเมริกาต้องมาก่อน

คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ตรงกับเวลา 11.01 น.วันนี้ตามเวลาไทย หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ลงนามคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐอย่างเต็มรูปแบบ โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ

ทั้ง 12 ประเทศประกอบด้วยอัฟกานิสถาน, เมียนมา, ชาด, คองโก, อีเควทอเรียลกินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน และเยเมน นอกจากนี้ ยังมีอีก 7 ประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าสหรัฐฯ เป็นบางส่วน ได้แก่ บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์ราลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้ยกเว้นให้กับผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐฯ ผู้ถือวีซาที่ถูกต้อง และกรณีที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติ เช่น นักการทูตหรือผู้ที่มีความสำคัญต่อสหรัฐฯ

คำสั่งนี้คล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่ทรัมป์ลงนามคำสั่งในวันที่ 27 มกราคม 2560 หลังจากรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกได้เพียงไม่กี่วัน ห้ามคนจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ ประกอบด้วย อิหร่าน, อิรัก, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน, ซีเรีย และเยเมน ก่อนจะถูกอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยกเลิกในปี 2564 การกลับมาของนโยบายนี้แสดงถึงจุดยืนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของทรัมป์ในการควบคุมการเข้าเมืองอย่างเข้มงวด โดยครั้งนี้ ขยายขอบเขตครอบคลุมมากขึ้น และเพิ่มประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อเดิม เช่น อัฟกานิสถาน และเฮติ

นโยบายนี้สะท้อนแนวคิด 'อเมริกาต้องมาก่อน' ของทรัมป์ ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงภายในประเทศเหนือการเปิดรับผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม การยกเว้นบางกลุ่มแสดงถึงความพยายามลดผลกระทบด้านกฎหมายและมนุษยธรรม การที่รัฐบาลพร้อมปรับเปลี่ยนรายชื่อตามภัยคุกคามใหม่ ๆ บ่งชี้ว่านโยบายนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการควบคุมชายแดนที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในอนาคต