รถยนต์ความเร็วสูงหรือรถบ้านปกติที่ถูกผลิตขึ้นมาในยุคใหม่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีไฮเทคทั้งด้านเครื่องยนต์ช่วงล่างและระบบภายในรถที่อำนวยความสะดวกมากมายที่มีพร้อมทั้งความแรงและเทคโนโลยีให้เลือกซื้อไปขับกัน ถึงกระนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่นิยมเล่นรถยุคเก่าในปี 90 ถึง 2000 ต้น ๆ อยู่ตลอดและมีจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นฝั่งเอเชียหรืออเมริกาแม้ว่ารถยนต์รุ่นใหม่จะมีดีแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจแทรกเข้าสู่หัวใจขาซิ่งหรือนักเล่นรถได้มากนักครับเพราะส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามงานแข่งขันรถยนต์แบบไม่เป็นทางการก็มักจะเห็นรถยนต์รุ่นเก่าออกมาซิ่งบนถนนอยู่เสมอและแทบไม่เห็นรถซิ่งรุ่นใหม่ ๆ มากเท่าไหร่นัก ประเด็นนี้ต้องมีเหตุผลรองรับแน่นอนและเรามาดูกันว่าทำไมรถยนต์ยุค 90 ถึงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงบัดนี้1. ราคาจับต้องได้ที่มารูปภาพ: Toby Parsons จาก Pixabayสิ่งสำคัญเลยก็คือราคาค่าตัวของรถมันถูกมากหากซื้อแบบเดิม ๆ เพื่อเตรียมมาปั้นต่อ โดยส่วนมากแล้วจะหาซื้อกันตามเต็นท์รถมือสองซึ่งรถในยุคดังกกล่าวก็จะมีตั้งแต่ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนต้น ๆ แต่รถยนต์บางรุ่นที่เข้าขั้นเป็นรถ Performance หรือ Sport ก็จะมีราคาสูงขึ้นกว่านี้มากเทียบเท่ากับรถยนต์ยุคปัจจุบันเลย ฉะนั้นด้วยราคาที่ถูกจึงเหมาะสำหรับมาแต่งหรือจูนเครื่องยนต์เพิ่มเติมจะได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป2. รูปทรงและเครื่องยนต์ของรถที่มารูปภาพ: Toby Parsons จาก Pixabay ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถยนต์ในยุคก่อนมีดีไซน์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์กว่าสมัยนี้มากจนบอกได้ว่ายี่ห้อนี้ต้องรูปทรงนี้เท่านั้น ความเฉพาะตัวดังกล่าวก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ชวนหลงใหลหรือความเฉพาะตัวของเครื่องยนต์ที่แต่ละค่ายมีโดยไม่จำเป็นต้องแชร์เทคโนโลยีเหมือนสมัยนี้ ยกตัวอย่างเช่น Skyline GT-R ที่มีระบบขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ระดับสุดยอด , Subaru Impreza ที่มีระบบขับ 4 ล้อ , Honda กับเครื่องยนต์ VTECรูปทรงของรถก็จะโดดเด่นกันตามแต่ละยี่ห้อเช่น Honda Civic EG6 ที่มีสามประตูคล่องตัวสูง , Mitsubishi Lancer Evolution ที่มีหน้าตาดุดัน , Mazda RX-7 รถสปอร์ตตัวเตี้ยที่มีเครื่องโรตารี่กับเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ , Nissan 180sx รถสปอร์ต 2 ประตูที่มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว ด้วยรูปลักษณ์รถที่ว่ามาทำให้ "มองยังไงก็ไม่เบื่อ" เหมือนกับงานศิลป์ จึงไม่แปลกใจที่รถเก่าเหล่านี้ยังได้รับความนิยมอยู่3. คุณค่าที่มารูปภาพ: Andrew Poynton จาก Pixabayรถซิ่งยุคเก่ามันมีคุณค่ามีเรื่องราวในตัวของมันชนิดที่ว่ารถรุ่นใหม่ก็ไม่อาจหาได้ครับอย่างเช่น Nissan Skyline GT-R รถสมรรถนะสูงที่กวาดแชมป์มาหลายสมัยทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศจนมีฉายาว่า Godzilla , Honda ที่มีเรื่องราวของเครื่องยนต์ VTEC ที่เมื่อเร่งในรอบเครื่องจัด ๆ จะมีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ และ Toyota MR2 รถสปอร์ต 2 ประตูกับเครื่องยนต์วางกลางขับหลังที่บอดี้สวยอมตะจะเห็นได้ว่ารถทุกคันที่กล่าวมามันมีสตอรี่มีเรื่องราวในตัวเลยทำให้มันมีคุณค่ามากกว่าเป็นแค่ยานพาหนะที่พาไปส่งถึงจุดหมายเท่านั้น จนบางทีก็มีหลายคนครับที่ยอมควักเงินมหาศาลเพื่อซื้อประวัติศาสตร์พวกนี้และรถบางรุ่นต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้แต่ต้องมีใจรักอีกด้วย4. ซ่อมบำรุงทำได้ง่ายที่มารูปภาพ: DanRais จาก Pixabayด้วยความเป็นรถยุคเก่าหลายสิบปี ดังนั้นเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมรถ จึงไม่มีอะไรซับซ้อนล้ำสมัยเหมือนยุคนี้ จึงเป็นข้อได้เปรียบเรื่องการดูแลรักษาที่ง่ายขึ้น สามารถสับเปลี่ยนอะไหล่โมดิฟายได้เต็มที่ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมถูกกว่ารถที่มีเทคโนโลยีสูง ถ้าเป็นเรื่องของความทนทานก็เช่นกันครับรถยุคเก่าทั้งเครื่องยนต์กับชิ้นส่วนต่าง ๆ จะคงทนสามารถรองรับการปรับแต่งได้ดีกว่ารถยุคใหม่ที่มีอายุขัยค่อนข้างสั้น5. ความสบายที่มากเกินไปที่มารูปภาพ: Toby Parsons จาก Pixabay สืบเนื่องมาจากหัวข้อที่ผ่านมาในบางครั้งคนเราก็อยากโหยหาความลำบากนิด ๆใส่ตัวหรือความอยากที่จะได้ลงมือทำอะไรด้วยตัวเองซึ่งรถเก่าสามารถให้ได้เพราะระบบความปลอดภัยหรือเทคโนโลยียังมีไม่มากทำให้ผู้ขับต้องใช้ฝีมือในการควบคุมรถมากกว่ารถยุคใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกช่วยเหลือเรื่องการขับขี่จริงอยู่มันอาจจะเป็นเรื่องรสนิยมแต่ถ้าลองขับรถยุคเก่ามันจะให้ความรู้สึกว่าเราเป็นผู้ควบคุมมันได้สั่งการด้วยตัวเอง ซึ่งมันคงดีกว่าการนั่งขับโดยที่มีระบบต่าง ๆ ช่วยเหลือหากเป็นแบบนั้นมันคงจะน่าเบื่อเป็นแน่แท้ถึงรถยุคเก่าจะมีดีแค่ไหนแต่รถรุ่นซิ่งใหม่ ๆ มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันครับ ถึงจะไม่ได้ตอบสนองดั่ง 5 ข้อที่ว่ามาแต่มันก็ตอบสนองในแง่ความสบายและความแรงที่มาจากโรงงานไม่ต้องแต่งเพิ่มก็แรงได้ทันที ก็เป็นความชอบส่วนตัวกันไปครับไม่ได้อคติกับรถรุ่นใหม่แต่อย่างใด แล้วคุณล่ะครับสนใจลองหารถรุ่นเก่ามาขับกันหรือไม่บอกเลยว่ามันจะให้ความ Old School โดยแท้เลยล่ะครับที่มารูปภาพปก: Toby Parsons จาก Pixabay