สวัสดีจ้าทุกคน...ผู้เขียนเคยได้ยินมาว่า คนที่เคยไปแลกเปลี่ยนประเทศต่าง ๆ มาแล้วรู้สึกโอเคกลับมาทุกคน มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราอาจจะเห็นระบบจัดการภายในประเทศที่เราไป แตกต่างจากที่เราอยู่และที่เราเคยเห็นมาก อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ในปัจจุบันนี้คนที่มีทักษะหลากหลายทางด้านภาษา จะมีความได้เปรียบกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกของงานที่เพิ่มมากขึ้น การต่อยอดทางการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือเป็นจุดเด่นในการพิจารณารับเข้าทำงานในบริษัทองค์กร ล้วนทั้งหมดนี้ภาษาถือเป็นกุญแจสำคัญ ดังนั้น หลายคนใฝ่ฝันอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เพราะมีความคิดที่ว่าการไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศจะเป็นการพัฒนาและเพิ่มทักษะภาษาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพCredit pic : pexelsหนึ่งในประเทศที่นักเรียนทั่วโลกอยากไปแลกเปลี่ยนมากที่สุดนั่นก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศในฝันของผู้เขียนเลย การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นคุณจะได้ซึมซับ เรียนรู้วัฒนธรรมสไตล์อเมริกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่วัฒนธรรมทางภาษาเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตCredit pic : pexelsอาหารเทศกาลการแต่งกาย หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตในโรงเรียนฉบับอเมริกันไฮสคูล (American High School) อีกด้วย ซึ่งโรงเรียนนั้นก็ถือว่า เป็นที่ที่สามารถเรียนรู้วัฒนธรรมที่ดีอีกที่หนึ่งเช่นกัน เพราะโรงเรียนนั้นไม่ได้มีแต่การเรียนการสอนในคลาสเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรม ชมรม และกีฬา ที่นักเรียนแลกเปลี่ยนสามารถเข้าร่วมและหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ อีกทั้งยังจะได้พบมิตรภาพระหว่างเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้นอีกด้วย เช่น เพื่อนชาวอเมริกัน และเพื่อนที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนด้วยกันทุนแลกเปลี่ยนควรรู้1. ทุนแลกเปลี่ยน High Schoolทุนส่วนนี้จะแลกเปลี่ยนความรู้ เหมือนอยู่ในชั้นเรียน จะมีส่วนของทุน YES, IEE, SEA ซึ่งเหมาะสำหรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 13-17 ปี บางทุนก็เป็น 14-17 ปี จะมีการประชาสัมพันธ์ทางเว็บไซต์และส่งเอกสารประชาสัมพันธ์ทุนเหล่านั้นผ่านโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้สมัครกัน ซึ่งจะมีทุนแบบเต็มจำนวน (โครงการออกให้ทั้งหมด) กับทุนแบบสมทบ (โครงการออกให้บางส่วน แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองบางส่วน ซึ่งมีทั้งออกให้ 75% 50% หรือ 25% ขึ้นอยู่กับโครงการนั้น)2. ทุนแลกเปลี่ยน ป.ตรีถ้าเป็นกรณีทุนของปริญญาตรี จะมีน้อยกว่าทุนแลกเปลี่ยนของมัธยม เพราะส่วนมากจะเป็นทุนเรียนภาษา และทุนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยซะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นทุนแลกเปลี่ยนจะเป็นทุนระยะสั้น ทุนแลกเปลี่ยนแนวทำกิจกรรมร่วมกัน หรือเชิงสัมมนา แต่ขึ้นอยู่กับประกาศรับสมัครด้วยว่ามาช่วงไหน เพราะกำหนดตายตัวยากกว่าทุนแลกเปลี่ยนของมัธยมมาก ถ้าจะดูเรื่องทุนจริง ๆ จัง ๆ ให้ไปติดต่อกองวิเทศศึกษาของมหาวิทยาลัยที่ตนเรียนอยู่ เพราะจะ Update เรื่องทุนเป็นระยะ และแนะนำทุนที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลเตรียมตัวขอทุน1. อ่านให้ละเอียดก่อนตัดสินใจอ่านประกาศรับสมัครให้ละเอียดว่า Registration (วันเริ่มรับสมัคร) เมื่อไหร่ Deadline (วันสุดท้ายการรับสมัคร) เมื่อไหร่ ลักษณะทุนที่เราค้นหา เป็นทุนเต็มจำนวนหรือทุนสมทบ มีสอบตรงก่อนด้วยไหมหรือสมัครแล้วรอสัมภาษณ์ และต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ควรสอบถามให้ละเอียดเพื่อความชัวร์ และไม่ให้เสียโอกาสในภายหลัง รวมทั้งเรื่องวีซ่า2. เตรียมภาษาดี ๆภาษาก็สำคัญนะ บางทุนจะมีเพิ่มในเรื่องเกรดเฉลี่ยของวิชากรณีเป็นมัธยม บางทุนอาจจะจำกัดแค่เกรดเฉลี่ยรวมทุกวิชา แต่ควรเตรียมภาษามาดีมาก ตั้งใจเรียนตั้งแต่อยู่ในห้องเรียน ฝึกกับครูต่างชาติในเรื่อง Conversation เพื่อฝึกทักษะภาษาก่อนนำไปใช้จริง หรือเตรียมทักษะตั้งแต่ Listening, Reading, Writing และ Speaking มาด้วยเลย3. คุยกับที่บ้านให้เข้าใจที่บ้านก็มีส่วนอย่างมาก เราควรคุยกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเรื่องค่าใช้จ่ายตลอดที่ไปก็มีส่วน เพราะต้องดูที่ Exchange หรือสกุลเงินแลกเปลี่ยนของประเทศนั้น เช่น 1$(US dollar) เท่ากับ 32-34 ฿(บาทไทย) ต้องคุยก่อนว่ายินยอม อนุญาตให้เราไปไหม4. มีเอกสารเรื่องภาษาด้วยไหมถ้าเป็นทุนแลกเปลี่ยนมัธยมอาจจะไม่มีเรื่องส่วนนี้ แต่ทุนระยะสั้นบางทุน และทุนแลกเปลี่ยนของปริญญาตรีอาจจะมีเอกสารภาษาด้วย เช่น มี TOEFL ibt, IELTS ในบางทุน หรือ TOEFL itp ต้องอ่านให้ละเอียดว่ามีส่วนนี้ด้วยไหมCredit pic : pexelsแต่สิ่งหนึ่งที่นักเรียนแลกเปลี่ยนควรจะต้องคำนึงถึงคือความแตกต่างของวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจและปรับตัวในความหลากหลายของวัฒนธรรม ทั้งนี้ยังมีอีกหลายคนที่ยังลังเลหรือกำลังตัดสินใจในการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผลหรือปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องทุนทรัพย์ของครอบครัว แต่ก็อยากจะบอกกับหลายคนที่กำลังตัดสินใจว่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนนั้นคุ้มค่า และอาจจะเป็นประสบการณ์ครั้งเดียวในชีวิตที่คุณจะได้รับมัน ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เอาล่ะ...ผู้เขียนคงต้องเตรียมตัวไปเรียนภาษา เผื่อจะได้ไปกับเขาบ้าง ต้องขอจบบทความเพียงเท่านี้นะจ๊ะ สวัสดีจ้า :)Credit pic ภาพปก : pexels